ครม. เว้นเก็บภาษี กว่า 70 ล้านบาท หนุนศักยภาพประมงไทย

ครม. เว้นเก็บภาษี กว่า 70 ล้านบาท หนุนศักยภาพประมงไทย

ครม. ไฟเขียว “ยกเว้น” ค่าธรรมเนียมเพาะเลี้ยงหอยทะเล- สัตว์น้ำในกระชัง ค่าอากรใบอนุญาตใช้เครื่องมือประมงพื้นบ้าน - ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำประมงพื้นบ้าน ลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและชาวประมงพื้นบ้าน กว่า 70 ล้านบาท

นายบัญชา  สุขแก้ว  รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งหมายรวมถึงผู้ประกอบอาชีพเกษตร ประมง ปศุสัตว์ เพราะประชาชน ไม่ต่ำกว่า 50 % ของประเทศไทย ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ดังนั้น การพัฒนา ส่งเสริม ให้การช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของกลุ่มคนเหล่านี้ จึงเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

ครม. เว้นเก็บภาษี กว่า 70 ล้านบาท หนุนศักยภาพประมงไทย ครม. เว้นเก็บภาษี กว่า 70 ล้านบาท หนุนศักยภาพประมงไทย

โดยในส่วนของภาคการประมงนั้น มุ่งเน้นการพัฒนาให้ชุมชนประมงท้องถิ่นเกิดความเข้มแข็ง ประมงพาณิชย์เกิดความยั่งยืนในการประกอบอาชีพ  และพี่น้องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสามารถประกอบอาชีพและเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำจากการเพาะเลี้ยง เป็นการสร้างรายได้แก่ครอบครัวให้เกิดความมั่นคงและส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศให้มีการฟื้นตัวได้โดยเร็ว

โดยหลังจากที่คณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย เห็นชอบและให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอร่างกฎกระทรวงเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติ “ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. ...”  ให้แก่พี่น้องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงหอยทะเล สัตว์น้ำในกระชัง และสัตว์น้ำอื่นๆ ที่ทำการเพาะเลี้ยง และ “ยกเว้นค่าอากรใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมงและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน พ.ศ. ...” ให้กับพี่น้องประมงพื้นบ้าน

ซึ่งล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ 14 มีนาคม 2566 มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผ่าน (ร่าง) กฎกระทรวงดังกล่าวทั้ง 2 ฉบับ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด -19  โดยแบ่งเป็นผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จำนวนกว่า 16,700 ราย คิดเป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท ในพื้นที่ 67 จังหวัด  และ ชาวประมงพื้นบ้าน จำนวนกว่า 50,000 ลำ คิดเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท ในพื้นที่ 23 จังหวัด  รวมแล้วสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายได้กว่า 70 ล้านบาท

ดังนั้น ร่าง กฎกระทรวงดังกล่าวนี้ จึงถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน  โดยกรมประมงยืนยันว่าจะมุ่งมั่นในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงให้มีความยั่งยืน สร้างความอยู่ดีมีสุขของพี่น้องเกษตรกร ชาวประมง และผู้ประกอบการด้านประมง เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาชีพประมงและด้านเศรษฐกิจของประเทศต่อไป 

หลังจากนี้ กรมประมงจะได้เร่งรัดให้ประมงจังหวัดและประมงอำเภอในพื้นที่สร้างความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ถึงสิทธิตามกฎหมายดังกล่าวให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและพี่น้องชาวประมงได้รับทราบโดยทั่วกัน ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองบริหารจัดการทรัพยากรและกำหนดมาตรการ กรมประมง โทร. 0 2561 2193 หรือสำนักงานประมงจังหวัดทุกแห่ง ในวันเวลาราชการ โดยกรมประมงยืนยันว่าจะมุ่งมั่นในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงให้มีความยั่งยืน สร้างความอยู่ดีมีสุขของพี่น้องเกษตรกร ชาวประมง และผู้ประกอบการด้านประมง เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาชีพประมงและด้านเศรษฐกิจของประเทศต่อไป