"เอ็กซอน" ถอนทัพลงทุนไทย ขายทิ้ง “เอสโซ่” - ล้มแผนลงทุนปิโตร 3.3 แสนล้าน

"เอ็กซอน" ถอนทัพลงทุนไทย ขายทิ้ง “เอสโซ่” - ล้มแผนลงทุนปิโตร 3.3 แสนล้าน

"บางจาก" มั่นใจดีลซื้อ "เอสโซ่” สร้างรายได้ทันที 2 พันล้าน ขึ้นแท่นยอดขายน้ำมันเบอร์ 2 ทยอยเปลี่ยนแบรนด์ปั๊ม 700 แห่ง ภายใน 2 ปี ชี้ทุกสัญญาเดิมยังคงเหมือนเดิม ด้าน “เอ็กซอน” เหลือ 2 ธุรกิจในไทย “สำรวจผลิตก๊าซ-ศูนย์ธุรกิจ” พับแผนต่อยอดโรงกลั่นศรีราชา 3 แสนล้านผลิตปิโตร

ดีลใหญ่ของปีในธุรกิจพลังงานได้ข้อสรุปหลังจากบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. (เอ็กซอนโมบิล) ซึ่งทำให้ธุรกิจโรงกลั่นและค้าปลีกน้ำมันที่เป็นธุรกิจหลักของเอ็กซอนโมบิลในไทยตกไปเป็นของบางจาก

สำหรับสินทรัพย์ที่บางจากจะได้จากเอสโซ่ ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 1.โรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน 2.เครือข่ายคลังน้ำมัน 3.สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง 

ทั้งนี้ เมื่อรวมกับธุรกิจของบางจากจะทำให้มีกำลังการกลั่นจากโรงกลั่นบางจากและโรงกลั่นศรีราชา (เอสโซ่) รวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน และเครือข่ายสถานีบริการรวม 2,100 แห่ง ซึ่งบางจากจะทำการรีแบรนด์ปั๊มเอสโซ่ 700 แห่ง ให้เสร็จภายใน 2 ปี รวมทั้งคาดหวังว่าจะดำเนินธุรกิจโรงกลั่นได้ครบวงจรมากขึ้น จัดหาน้ำมันดิบได้หลากหลายขึ้น รวมถึงความสามารถในการมีท่อส่งน้ำมันทั้ง 2 ท่อ คือ บางประอิน และสระบุรี ถือว่าใหญ่สุดในประเทศ

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า บางจากฯ จะเจรจาราคาหุ้นขั้นสุดท้ายอีกครั้ง แต่ขอให้มั่นใจว่าการซื้อหุ้นเอสโซ่เบื้องต้นจะประหยัดค่าใช้จ่ายและมีรายได้ เพิ่มขึ้นระดับ 1,500-2,000 ล้านบาททันที

สำหรับส่วนหนึ่งของสัญญาที่ตกลงกันกับ เอ็กซอนโมบิลจะยังคงเก็บแบรนด์ไว้ เช่น น้ำมันเครื่อง เคมีภัณฑ์ต่าง ๆ ส่วนบางจากฯ จะได้สินทรัพย์ทั้งหมดของเอสโซ่ อาทิ สถานีบริการน้ำมันกว่า 700 สถานี โดยจะแปลงเป็นชื่อสถานีบริการน้ำมันบางจากภายใน 2 ปี

“เมื่อมีการจ่ายเงินซื้อขายจบแล้ว ซึ่งคาดว่าจะซื้อขายและชำระเงินค่าหุ้นแก่ผู้ขายได้ในครึ่งหลังปี 2566 โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนด และเตรียมพร้อมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด (tender offer) ของเอสโซ่ หลังจากการทำธุรกรรมกับเอ็กซอนเสร็จสิ้นและจะเริ่มทยอยเปลี่ยนชื่อปั๊มเป็นบางจาก ซึ่งช่วงแรกจะมีชื่อปั๊มเอสโซ่อยู่ ซึ่งเอสโซ่ก็จะทำหน้าที่จัดหาน้ำมันดิบให้บางจากด้วย”

ได้เทคโนโลยีการกลั่นเอสโซ่

นอกจากนี้ ยังได้รับประโยชน์ในเรื่องของเทคโนโลยีการกลั่นที่เสริมกันของโรงกลั่นทั้งสอง และการให้บริการด้านการตลาดที่ครอบคลุมและนำเสนอบริการให้กับลูกค้าได้ยิ่งขึ้นผ่านสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี ช่วยเพิ่มพูนทักษะและความสามารถของพนักงาน สร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจและก่อให้เกิดการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดสู่ลูกค้า และเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มบริษัทบางจากในการมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

 

อย่างไรก็ตาม บางจากยังเน้นความมั่นคงด้านพลังงาน และตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่เพิ่มความยั่งยืนและเพิ่มการเข้าถึงพลังงานได้ง่ายขึ้น เชื่อมั่นว่าการทำธุรกรรมครั้งนี้ ถือเป็นการพลิกโฉมสู่บริบทใหม่สำหรับบางจากและประเทศไทย

ราคาซื้อขาย5.5หมื่นล้านบาท

สำหรับการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว เป็นการเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 65.99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ เอสโซ่จาก เอ็คซอนโมบิล โดยมูลค่าตั้งต้นซื้อขายตามมูลค่ากิจการที่ 55,500 ล้านบาท และมีกลไกการปรับราคาซื้อขายหุ้นตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้น ทั้งนี้ หากอ้างอิงตามงบการเงินสอบทานในไตรมาส 3 ปี 2565 ของเอสโซ่ จะได้ราคาเบื้องต้นประมาณ 8.84 บาทต่อ 1 หุ้น โดยราคาสุดท้ายจะมีการปรับตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้

“เราตั้งต้นราคาซื้อขายที่ 55,500 ล้านบาท โดยเมื่อถึงวันที่ต้องจ่ายเงินหากมีการปรับสิ้นงวด ก็มีหนี้เพิ่มขึ้น ราคาก็จะลง แต่ถ้ามีน้ำมันเพิ่มขึ้น ราคาก็จะเพิ่ม เหตุผลที่มีกลไกปรับราคาเพราะราคาน้ำมันผันผวน ซึ่งในปีหนึ่งอาจราคาขึ้นถึง 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือลงมาระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้ส่วนต่างจะอยู่ที่ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถือเป็นเงินราว 2,000 ล้านบาท ตามสูตรที่คำนวณ”

ยอดขายน้ำมันขึ้นอันดับ2

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศไทยมีสถานีบริการน้ำมันรวม 2 หมื่นสถานี ทั้งใหญ่และเล็ก โดยบางจากคิดเป็นเป็น 30% ถือว่าอันดับ 3 ส่วนยอดขายน้ำมันเมื่อรวมกับเอสโซ่แล้วจะมียอดขายอันดับ 2 และไม่ได้เป็นการผูกขาดใด ๆ

ส่วนแนวคิดการเพิ่มโรงกลั่นนั้น บางจากมีแผนมาราว 4 ปี ซึ่งเอสโซ่ มีความสามารถในการจัดหาน้ำมันดิบ และบริหารโรงกลั่นขนาดใหญ่ทั่วโลก ดังนั้น ถือเป็นโอกาสในการพัฒนาโรงกลั่นบางจากมากขึ้น ซึ่งช่วยการบริหารต้นทุนและทำให้ราค้ำมันในไทยไม่สูงมาก

ทั้งนี้ บางจากมีความสามามารถในการเก็บน้ำมันได้ถึง 15 ล้านบาร์เรล ส่งผลให้ประชาชนจะเข้าถึงสถานีบริการน้ำมันบางจากง่ายขึ้น ส่งผลให้บางจากมีความมั่นคง และมีความสามารถในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ด้านสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น ในส่วนของพนักงานเอสโซ่ก็จะมาเป็นส่วนหนึ่งของบางจากจะผสมผสานความรู้ความสามารถ ร่วมกันพัฒนาให้กลุ่มบางจากมีความยั่งยืนมากขึ้น

น้ำมันยังเป็นเชื้อเพลิงหลัก

นอกจากนี้ แม้เทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) กำลังมาแรง แต่บางจากยังคงซื้อโรงกลั่นนั้น จะเห็นว่าขณะนี้ยอดขายรถปีละ 8-9 แสนคัน ซึ่งรถอีวีอยู่ระดับ 3 หมื่นคัน ซึ่ง 99.9% ยังเป็นรถน้ำมัน ซึ่งยังไม่นับประชากรที่ใช้รถกว่า 10 ล้านคัน และมอเตอร์ไซด์อีก 10 ล้านคัน อีกทั้ง หลายประเทศได้เริ่มขาดน้ำมัน ถือเป็นภาวะตรึงตัวอยู่ บางจากฯ จะทำให้ผู้ใช้บริการได้เข้าถึงน้ำมันที่มีคุณภาพและราคาสมเหตุสมผล

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับการเดินหน้านโยบายความเป็นกลางสู่คาร์บอนปี 2030 และการมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ปี 2050 ถือเป็นเป้าหมายหลักของบางจากฯ อยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาบางจากฯ พร้อมผนึกพันธมิตทางธุรกิจเพื่อนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาสนับสนุน ดังนั้น การดำเนินธุรกิจจะต้องบาลานซ์เพื่อความยั่งยืน

สำหรับพนักงานของเอสโซ่จะยังคงเหมือนเดิม ทั้งเงื่อนไขการจ้างงาน เพราะมีโครงสร้างที่ชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนเนื้อน้ำมันเอสโซ่จะเปลี่ยนไปเป็นมาตรฐานของบางจากฯ ทันทีภายใน 3 วัน ส่วนสัญญาธุรกิจที่เอสโซ่ได้ทำกับพาร์ทเนอร์จะยังคงเหมือนเดิมแน่นอน

เอ็กซอนเหลือ2ธุรกิจในไทย

รายงานข่าวระบุว่า การขายหุ้นของเอสโซ่ครั้งนี้ จะทำให้เอ็กซอนโมบิลประเทศไทยเหลือธุรกิจในไทยที่สำคัญเพียง 2 ธุรกิจ คือ 

1.ธุรกิจสำรวจ ค้นหาและผลิตปิโตรเลียม ในนามบริษัท เอ็กซอนโมบิล เอ็กซ์โพลเรชั่น แอนด์ โพรดักชั่น โคราช อิงค์ จำกัด โดยผลิตก๊าซธรรมชาติในเขต อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ผ่านโครงการสินภูฮ่อม ห่างจากน้ำพอง 60 กิโลกเมตร

2.ศูนย์ธุรกิจระดับโลก ในนามบริษัท เอ็กซอนโมบิล จำกัด ซึ่งจะให้บริการลูกค้า 60 ประเทศ โดยให้บริการงานบัญชี ทรัพยากรบุคคล เทคโนโลยีสารสนเทศ ศูนย์บริการลูกค้าสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น เคมีภัณฑ์ การจัดซื้อ เครดิตลูกค้าและภาษี

ยกเลิกต่อยอดโรงกลั่นเอสโซ่

ทั้งนี้ เอ็กซอนโมบิลเคยมีแผนลงทุนโรงงานปิโตรเคมีเทคโนโลยีชั้นสูง แห่งที่ 2 บริเวณใกล้เคียงโรงกลั่นศรีราชา กำลังการผลิตโพลิเมอร์เกรดพิเศษ 1.25 ล้านตันต่อปี มูลค่าการลงทุน 330,000 ล้านบาท โดยได้เข้าพบรัฐบาลไทยต่อเนื่องในช่วงปี 2561-2562 และกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ศึกษาแผนถมทะเลบริเวณนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 3,000 ไร่ เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับรองรับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย

รวมถึงการลงทุนโครงการปิโตรเคมีด้วยเทคโนโลยีทันสมัยของเอ็กซอนโมบิล ซึ่งต้องการพื้นที่มากกว่า 1,000 ไร่ ในบริเวณใกล้เคียงกับโรงกลั่นศรีราชาที่จะเป็นฐานให้กับการลงทุนดังกล่าว และต่อมาเอ็กซอนโมบิลได้ยกเลิกแผนการลงทุน

สำหรับการที่เอ็กซอนโมบิลจะเลือกไทย เพราะโรงกลั่นศรีราชามีขนาดใหญ่และมีประสิทธิภาพสูงติดอันดับโรงกลั่นที่ดีที่สุด 1 ใน 3 ของโลกที่เอ็กซอนโมบิลลงทุน ทำให้ต่อยอดจากโรงงานเดิมไปตั้งโรงงานผลิตปิโตรเคมีชั้นสูงได้ไม่ยากและมีต้นทุนต่ำ รวมทั้งใช้ท่าเรือ คลังเก็บน้ำมันดิบ โครงสร้างพื้นฐาน และวัตถุดิบตั้งต้นบางส่วนจากโรงกลั่นเดิมได้ทันที

กนอ.คุยกับนักลงทุนรายอื่น

นายวิริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า ตามที่เอ็กซอนโมบิลขอให้รัฐบาลจัดหาพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงกลั่นน้ำมันศรีราชา เพื่อขยายการลงทุนก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีขั้นสูงในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ตั้งแต่ปี 2561 โดย กนอ.ได้มอบหมายให้สถาบันปิโตรเลียมศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดสรรพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ในบริเวณดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เอ็นซอนโมบิล ได้ประกาศยกเลิกแผนการขยายการลงทุนในปี 2563 เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนั้น ที่มีความผันผวนของราคาน้ำมันและสถานการณ์โควิด-19

“ปัจจุบัน กนอ.เชื่อมั่นว่าได้พูดคุยกับนักลงทุนรายอื่นทั้งในไทยและต่างประเทศที่สนใจลงทุนในโรงงานปิโตรเคมีในพื้นที่อีอีซี ซึ่งถือเป็นหนึ่งพื้นที่ยุทธศาสตรที่สำคัญของประเทศ”