หวังผลตอบแทน 'ตราสารหนี้' พลิกทำกำไร!

งานสัมมนา “ WEALTH FORUM ลงทุนอย่างไรให้รวย #ปี 3 ซึ่งจัดโดย กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และเนชั่นทีวี ได้รับเกียรติจากเลขาธิการสภาพัฒนฯ และภาคเอกชน มาร่วมกันส่องอนาคตเศรษฐกิจไทยและแนวโน้มการลงทุนในสินทรัพย์ต่างในปี 2566

 นายสมจินต์ ศรไพศาลกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยในงานสัมนา "WEALTH FORUM ลงทุนอย่างไรให้รวย #ปี3" ในหัวข้อ "ลงทุนทางเลือก ช่องทางทำกำไร" ว่า ผลตอบแทนตราสารหนี้ไทยในปี 2566 มีโอกาสกลับมาเป็นบวกได้ ดังนั้น จึงเป็นทางเลือกที่สามารถลงทุนและทำกำไรได้ จากปีนี้ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนติดลบ โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาล ผลตอบแทนเฉลี่ย -6.02% ติดลบในทุกช่วงอายุ
ขณะที่หุ้นกู้เอกชน ผลตอบแทนเป็ยบวกเล็กน้อย 0.54% โดยผลตอบแทนอายุ 7-10 ปี -0.53% แต่อายุ 1-3 ปี 1.27% และอายุ 3-7 ปี  0.14%

ทั้งนี้ ประเด็นที่มองว่าผลตอบแทนตราสารหนี้ไทยกลับมาเป็นบวกในปีหน้า เนื่องจากมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด (FED) ไม่น่าจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย เงินเฟ้อ ไม่น่าจะขยับตัวขึ้น โดยสะท้อนได้จากการที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุดเมื่อ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่าบอนด์ยีลสหรัฐเริ่มทรงตัว บอนด์ยีลด์ อายุ 2 ปี อยู่ที่ 4.43% และ อายุ 10 ปี อยู่ที่ 3.77%
ส่วนแนวโน้มบอนด์ยีลด์ไทยยังขยับสูงขึ้นทุกรุ่น โดยบอนด์ยีลด์ไทยขยับสูงขึ้น อายุ 2 ปี เพิ่มขึ้น 1.1 %, อายุ 5 ปี เพิ่มขึ้น 1.06% อายุ 10 ปี 0.83% จากสิ้นปี 2564 ที่สำคัญผลตอบแทนระยะยาวของพันธบัตรและหุ้นกู้ในช่วงอายุต่างๆ ตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา (2557-2565 )ยังคงเป็นบวก โดยพันธบัตร เฉลี่ยอยู่ที่ 3.65% และหุ้นกู้เอกชน เฉลี่ยอยู่ที่ 4.23%
อย่างไรก็ดี แนะนำว่า หากเป็นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ สามารถกำหนดระยะเวลาการลงทุนและระยะเวลาการขาย ก็จะทำกำไรเพิ่มขึ้นจากการลงทุนตราสารหนี้ได้ เช่น ปัจจุบันซื้ออายุ 10 ปีแล้วไปขายในอีก 5 ปีหน้า นักลงทุนจะมี capital gain ในส่วนที่เพิ่มขึ้นได้ หรือหากเป็นนักลงทุนระยะยาวยังสามารถได้ผลตอบแทนสม่ำเสมอและป้องกันพอร์ตลงทุน