สนข.ทุ่ม 5.5 พันล้านบาท ลุยจุดเชื่อมต่อล้อ - ราง - เรือ
สนข. ทุ่ม 5.5 พันล้านบาท เดินหน้าพัฒนาจุดเชื่อมต่อล้อ-ราง-เรือ พร้อมเสนอ “คมนาคม” เห็นชอบแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำ (W-Map) ภายใน มี.ค. 66
นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงคืบหน้าโครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และการเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่น (W-MAP) โดยระบุว่า ขณะนี้ สนข.อยู่ระหว่างการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งศึกษาและสำรวจเส้นทางการเดินเรือ เพื่อเพิ่มเส้นทางการเดินทางทางน้ำ แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดทางถนน
นอกจากนี้ ยังมีการวางแผนปรับปรุงท่าเรือที่เชื่อมต่อการขนส่งสาธารณะล้อ-ราง-เรือให้มีประสิทธิภาพที่ให้บริการในปัจจุบัน 8 จุด โดยเฉพาะท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา 4 จุด ประกอบด้วย ท่าเรือพระนั่งเกล้า ท่าเรือบางโพ ท่าเรือราชินีและท่าเรือสาทร ซึ่งคาดว่าจะเสนอแผนดังกล่าวให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นชอบภายในเดือน มี.ค. 2566 ก่อนที่จะส่งให้หน่วยงานอื่นๆ นำแผนไปดำเนินการต่อไป
สำหรับนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่ให้เร่งรัดการเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ ปัจจุบัน สนข. ได้บูรณาร่วมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เพื่อจัดตั้งจุดจอดรถ บขส. เพื่อรับ-ส่ง ผู้โดยสาร โดยเฉพาะเส้นทางกรุงเทพฯ-สุพรรณบุรีที่วิ่งผ่านสถานีรถไฟฟ้า MRT พระนั่งเกล้า และท่าเรือพระนั่งเกล้า เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางทางเรือ และรถไฟฟ้าเข้าเมืองไปยังกรุงเทพฯ และอำนวยความสะดวกการเดินทางให้กับประชาชน คาดว่าจะเปิดให้รถ บขส.จอดรับ-ส่งได้ในช่วงต้นปี 2566
ส่วนความคืบหน้าการพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทาง ล้อ-ราง-เรือ ปัจจุบันมี 4 เส้นทาง ระยะทาง 65.4 กิโลเมตรครอบคลุมจำนวน 103 ท่าเรือ เชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่น จำนวน 8 จุด แบ่งเป็น คลองแสนแสบ ได้แก่
1.ท่าเรือรามหนึ่ง เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีรามคำแหง
2.ท่าเรืออโศก เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดิน (เอ็มอาร์ที) สายสีน้ำเงิน สถานีเพชรบุรี และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีมักกะสัน
3.ท่าเรือสะพานหัวช้าง เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า (บีทีเอส) สายสีเขียวอ่อน สถานีราชเทวี และสายสีเขียวเข้ม สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ
4.ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง เชื่อมต่อกับเอ็มอาร์ที สถานีหัวลำโพง
5.ท่าเรือสะพานพระนั่งเกล้า เชื่อมกับเอ็มอาร์ทีสายสีม่วง สถานีสะพานพระนั่งเกล้า
6.ท่าเรือบางโพ เชื่อมต่อกลับเอ็มอาร์ทีสายสีน้ำเงิน สถานีบางโพ
7.ท่าเรือราชินี เชื่อมกับเอ็มอาร์ทีสายสีน้ำเงิน สถานีสนามไชย
8.ท่าเรือสาทร เชื่อมกับบีทีเอสสายสีเขียวเข้ม สถานีสะพานตากสิน
นายปัญญา กล่าวอีกว่า จุดเชื่อมต่อการเดินทาง ล้อ-ราง-เรือ ทั้ง 8 จุดดังกล่าว เป็นหนึ่งในแผนการพัฒนาการเดินทางทางน้ำ (W-Map) แบ่งออกเป็น 2 ระยะ วงเงินประมาณ 5.5 พันล้านบาท ได้แก่
ระยะสั้น (ระยะที่ 1) ระหว่างปี 2565-2570 ที่ตั้งเป้าพัฒนาทั้งหมด จำนวน 26 จุด รวมจุดเชื่อมต่อทั้งหมดเป็น 34 จุดงบประมาณในการพัฒนาอยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท
ระยะยาว (ระยะที่ 2) ระหว่างปี 2571-2575 จะเพิ่มการพัฒนาอีก 6 จุด รวมเป็น 40 จุด คาดว่าจะใช้งบประมาณในการพัฒนาจำนวน 2.1 พันล้านบาท
สำหรับแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำ ระหว่างปี 2565-2575 เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ คาดว่าเส้นทางทางน้ำจะเพิ่มขึ้น 131.2 กิโลเมตร ท่าเรือเพิ่มขึ้น 97 ท่าเรือ แบ่งเป็น
S1 เส้นทางเดินเรือในคลองแสนแสบส่วนต่อขยายช่วงวัดศรีบุญเรืองถึงถนนสุวินทวงศ์ ระยะทาง 12 กิโลเมตร จำนวน16 ท่าเรือ
S2 เส้นทางเดินเรือในคลองบางลำพู ช่วงสะพานผ่านฟ้าลีลาศถึงป้อมพระสุเมรุ ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร จำนวน 3 ท่าเรือ
S3 เส้นทางเดินเรือในคลองลาดพร้าว ช่วงสายไหมถึงพระโขนง ระยะทาง 25.7 กิโลเมตร จำนวน 23 ท่าเรือ
S4 เส้นทางเดินเรือในคลองขุดมหาสวัสดิ์ ช่วงประตูน้ำมหาสวัสดิ์ถึงวัดชัยหฤกษมาลา ระยะทาง 28 กิโลเมตร จำนวน13 ท่าเรือ
S5 เส้นทางเดินเรือในคลองบางกอกน้อย ช่วงวัดชะลอถึงศิริราช ระยะทาง 7.1 กิโลเมตร จำนวน 11 ท่าเรือ
ส่วนระยะยาว ระหว่างปี 2571-2575 ระยะทางรวมประมาณ 56.9 กิโลเมตร แบ่งเป็น
L1 เส้นทางเดินเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาส่วนต่อขยายช่วงปากเกร็ดถึงที่ว่าการอำเภอเมืองจังหวัดปทุมธานี ระยะทาง 15 กิโลเมตร จำนวน 3 ท่าเรือ
L2 เส้นทางเดินเรือในคลองเปรมประชากร ช่วงวัดรังสิตถึงบางซื่อ ระยะทาง 20.5 กิโลเมตร จำนวน 20 ท่าเรือ
L3 เส้นทางเดินเรือในคลองประเวศบุรีรมย์ส่วนต่อขยาย ช่วงตลาดเอี่ยมสมบัติถึงวัดสังฆราชา ระยะทาง 21.4 กิโลเมตรจำนวน 8 ท่าเรือ
ซึ่งเมื่อพัฒนาแล้วเสร็จจะส่งผลให้มีการใช้บริการเพิ่มขึ้น 36.57% จากจำนวน 61,129 คนต่อวัน ในปี 2565 และคาดการณ์ว่าในช่วง 5 ปีแรกเพิ่ม 8.06% และ 10 ปี เพิ่มเป็น 36.57%