หวั่นโลกไม่มั่นคงด้านอาหาร หลังรัสเซียระงับส่งออกธัญพืช

หวั่นโลกไม่มั่นคงด้านอาหาร หลังรัสเซียระงับส่งออกธัญพืช

เทรดเดอร์ทั่วโลก หวั่นโลกเจอปัญหาความไม่มั่นคงด้านอาหาร หลังจากรัสเซียตัดสินใจระงับการมีส่วนร่วมในข้อตกลงการส่งออกธัญพืช ซึ่งส่งผลให้ยูเครนไม่สามารถลำเลียงขนส่งธัญพืชจากภูมิภาคทะเลดำไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้

 สำนักข่าวบลูมเบิกร์ รายงานว่า การตัดสินใจอย่างกะทันหันของรัสเซียส่งผลให้ผู้นำในหลายประเทศประสบความยากลำบากในการฟื้นฟูข้อตกลงการส่งออกธัญพืชซึ่งมีสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และตุรกีเป็นคนกลาง โดยหลายฝ่ายต่างก็คาดหวังว่าข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยเหลือประชากรในพื้นที่เปราะบางให้รอดพ้นจากความเสี่ยงในการขาดแคลนอาหาร

ก่อนหน้านี้ ข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการส่งออกธัญพืช ซึ่งบรรลุฉันทามติเมื่อเดือนก.ค. ช่วยสกัดการพุ่งขึ้นของราคาข้าวสาลีที่ซื้อขายในตลาดล่วงหน้า หลังจากราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อันเนื่องมาจากการที่รัสเซียบุกทำสงครามในยูเครนเมื่อช่วงปลายเดือนก.พ.

ผู้เชี่ยวชาญแสดงความกังวลว่า การที่รัสเซียยกเลิกข้อตกลงดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง รวมถึงทำให้วิกฤตอาหารโลกเลวร้ายลงไปอีก โดยคาดว่าผลกระทบจะเห็นได้ชัดขึ้นในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 31 ต.ค. เมื่อการซื้อขายธัญพืชในตลาดเอเชียเริ่มต้นขึ้น
 

“เราคาดว่าราคาธัญพืชจะเปิดตลาดพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน โดยราคาจะสูงขึ้นแค่ไหนนั้นเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาได้ เนื่องจากข้อตกลงจะหมดอายุในช่วงกลางเดือนพ.ย. หากไม่มีการขยายเวลาข้อตกลง ” ชาร์ลี เซอร์นาติงเกอร์ หัวหน้าฝ่ายสัญญาธัญพืชของบริษัทอีดีแอนด์เอฟ แมน แคปิตัล มาร์เก็ต ในชิคาโก กล่าว

“เดวิด ลาบอร์ด” จากสถาบันวิจัยด้านนโยบายทางอาหารระหว่างประเทศในกรุงวอชิงตันกล่าวว่า “กลุ่มผู้ผลิตจำเป็นต้องเริ่มปรับตัว เราคาดว่าราคาธัญพืชอาจจะพุ่งขึ้นประมาณ 5%- 10% ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเนื่องจากข่าวดังกล่าว”

เมื่อเดือนส.ค.รัฐบาลยูเครนระบุว่าจะสามารถส่งออกธัญพืชได้ 3 ล้านตันในเดือน ก.ย. และ 4 ล้านตันในเดือน ต.ค.แต่ตัวเลขการส่งออกจริงๆในเดือน ก.ย. มีปริมาณมากกว่า 4 ล้านตัน เพราะอัตราการขนส่งตามข้อตกลงเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงต่ำกว่าในช่วงก่อนเกิดสงคราม

 เมื่อครั้งที่มีการลงนามในเส้นทางการขนส่งในเดือน ก.ค. ราคาอาหารทั่วโลกปรับตัวลดลง  โดยดัชนีราคาอาหารขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ลดลงเกือบ 9% ในเดือนนั้น

ตัวเลขนี้ลดลงต่อเนื่องในเดือน ส.ค. และ ก.ย. แต่เป็นผลมาจากการปรับตัวลดลงของราคาอาหารประเภทอื่น ๆ ทั่วโลก อย่าง น้ำตาล, เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากนม

ส่วนราคาข้าวสาลีระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือน ก.ย. เนื่องจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในประเด็นที่ว่า โครงการธัญพืชจากยูเครนจะดำเนินต่อไปหลังจากเดือน พ.ย. หรือไม่ โดยเดือน พ.ย. เป็นช่วงเวลาที่โครงการนี้จะสิ้นสุดลงตามข้อตกลง

แม้ว่าอาหารบางส่วนถูกส่งไปยังประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกหลายประเทศโดยตรง แต่ตัวเลขของสหประชาชาติ ก็บ่งชี้ว่า ในช่วงแรกปริมาณอาหารถูกส่งไปยังสเปน, ตุรกี, อิตาลี, จีน และเนเธอร์แลนด์มากที่สุด 

ยูเอ็นระบุในเดือน ก.ย. ว่า มีอาหารไม่ถึง 30% ถูกส่งไปยังประเทศที่มีรายได้ต่ำ ขณะที่ 44% ถูกส่งไปยังประเทศที่มีรายได้สูง

อย่างไรก็ตาม วานนี้(31ต.ค.)ยูเอ็น ตุรกีและยูเครนยังคงเดินหน้าปฏิบัติตามข้อตกลงส่งออกธัญพืชในทะเลดำ โดยมีแผนขนส่งธัญพืชด้วยเรือ 16 ลำ แม้ว่ารัสเซียระงับการเข้าร่วมข้อตกลงส่งออกธัญพืช

โฆษกยูเอ็นแถลงว่า "อันโตนิโอ กูเตอร์เรส" เลขาธิการยูเอ็นแสดงความวิตกกังวลอย่างมากต่อความเคลื่อนไหวของรัสเซีย โดยเลื่อนภารกิจเดินทางเยือนต่างประเทศออกไป เพื่อกอบกู้ข้อตกลงนี้ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาวิกฤตอาหารโลก

หลังรัสเซียประกาศระงับการเข้าร่วมข้อตกลงส่งออกธัญพืชยูเครน ราคาข้าวสาลีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของชิคาโก (CBOT) ก็ปรับตัวขึ้น 5.8% แตะ 8.7750 ดอลลาร์ต่อบุชเชล เมื่อเวลา 07.19 น.ตามเวลาไทยของวานนี้ ขณะที่ราคาสัญญาณข้าวโพดพุ่ง 2.3% แตะที่ 6.9650 ดอลลาร์ต่อบุชเชล และราคาสัญญาถั่วเหลืองบวก 1.1% แตะที่ 14.1525 ดอลลาร์ต่อบุชเชล

ยูเครนส่งออกข้าวโพด ข้าวสาลี ผลิตภัณฑ์ดอกทานตะวัน บาเลย์ เรพซีด และถั่วเหลืองปริมาณกว่า 9.5 ล้านตันนับตั้งแต่เดือนก.ค. ซึ่งภายใต้ข้อตกลงส่งออกธัญพืชยูเครน ศูนย์ประสานงานร่วม (เจซีซี) ที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ยูเอ็น ตุรกี รัสเซีย และยูเครน เห็นพ้องที่จะให้เรือส่งออกสินค้าเกษตรยูเครน พร้อมดูแลเรื่องการตรวจสอบเรือ