สุดกดดัน ชลธี นุ่มหนู ลาออก หลัง อธิบดีกรมวิชาการเกษตร สั่งเด้งพ้นอีอีซี

สุดกดดัน  ชลธี นุ่มหนู ลาออก หลัง อธิบดีกรมวิชาการเกษตร สั่งเด้งพ้นอีอีซี

ชลธี นุ่มหนู ผอ. สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 ประกาศลาออกจากข้าราชการ มีผล 31 ต.ค. นี้หลัง ถูกอธิบดีสั่งเด้งพ้น จันทบุรี ลั่น ไม่ใช่ขัดขืนคำสั่งแต่เป็นการรักษาศักดิ์ศรีข้าราชการ พร้อมแจงเหตุ 5 ข้อถูกกดดัน

รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แจ้งว่า ตามที่ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุ้ตบอร์ด)  มีคำสั่งให้   นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เข้าชี้แจงต่อฟรุ้ตบอร์ด  เมื่อวันที่  27 ต.ค. 2565 กรณีที่มีคำสั่ง โยกย้ายนายชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 (สวพ.6)ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช (ผอ.กมพ. ) จนมีเสียงเรียกร้องจากหลายองค์กรด้านผลไม้ขอให้มีการทบทวนการโยกย้ายดังกล่าว

สุดกดดัน  ชลธี นุ่มหนู ลาออก หลัง อธิบดีกรมวิชาการเกษตร สั่งเด้งพ้นอีอีซี สุดกดดัน  ชลธี นุ่มหนู ลาออก หลัง อธิบดีกรมวิชาการเกษตร สั่งเด้งพ้นอีอีซี สุดกดดัน  ชลธี นุ่มหนู ลาออก หลัง อธิบดีกรมวิชาการเกษตร สั่งเด้งพ้นอีอีซี

 ซึ่ง นายระพีภัทร์ ได้ชี้แจงว่า เพราะอยู่ใน ตำแหน่งผอ.สวพ.6ใกล้ครบวาระ4ปี รวมทั้งอยู่ที่จันทบุรีจังหวัดเดียวมา31ปี เป็นคนมีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์สมควรไปทำหน้าที่ใน ตำแหน่งผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืชซึ่งเป็นตำแหน่งหลักที่สำคัญของกรมวิชาการในการขับเคลื่อนการดำเนินงานในภาพรวมทั้งประเทศไม่ใช่เพียงไม่กี่จังหวัด อธิบดีกรมวิชาการยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองหรือกลุ่มอิทธิพลใดๆ

และมั่นใจว่าการโยกย้ายดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการขับเคลื่อนงานของฟรุ้ทบอร์ดเพราะผู้อำนวยการสวพ.6คนใหม่เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ เคยทำงานร่วมกับสวพ.6มากว่า10ปีผ่านงานระดับบริหารหลายตำแหน่งและมีความเชี่ยวชาญด้านมาตรฐานGAPและGMP มีประสบการณ์ที่เหมาะสม เคยทำงานในพื้นที่ภาคตะวันออกมานานเช่นกัน โดยเฉพาะ เคยเป็น หัวหน้าด่านตรวจพืช ท่าเรือแหลมฉบังซึ่งเป็น ด่านตรวจพืชที่ใหญ่ที่สุดของกรมวิชาการเกษตร

 อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2565  นายชลธี นุ่มหนู  ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 (สวพ.6) ได้ประกาศ ลาออกจากข้าราชการมีผลในวันที่  31 ต.ค. 2565 ผ่านเฟสบุ๊ค “นายชลธี นุ่มหนู  “  พร้อมอิโมจิความรู้สึกสิ้นหวัง  โดยระบุ ว่า # การต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีข้าราชการ  

ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย จะพูดให้ดูดีอย่างไรท้ายที่สุดแล้วความจริงย่อมปรากฏ

1.การย้ายแบบฟ้าผ่า ไม่มีการแจ้งล่วงหน้าหรือบอกกล่าวแม้มีอำนาจก็ตาม ผู้บริหารที่อยู่ในตำแหน่งสูงต้องโน้มตัวลงหาผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเสมอ

2.เป็นการย้ายสลับตำแหน่งกันระหว่างผอ.สวพ.6กับผอ.กมพ. ที่อยู่ในระดับเดียวกันไม่ได้สูงขึ้น ถ้าบอกว่าย้ายไปตำแหน่งสูงขึ้นอีกคนก็ต้องถูกย้ายไปตำแหน่งต่ำลง

3.ย้ายตามวาระ 4 ปี จนป่านนี้ยังค้นหาระเบียบข้าราชการพลเรือนที่บอกว่าผอ.สำนัก/กองต้องย้ายเมื่อครบวาระ 4 ปีไม่เจอ เพราะไม่มี ถ้ามีคงเดือดร้อนกันแน่เพราะมีผอ.กอง/สำนักหลายคนที่อยู่เกิน 4ปี บางคนอยู่เกิน 10 ปีด้วยซ้ำ

4.ย้ายเพราะความเก่งกล้าสามารถจะได้ไปทำงานระดับประเทศ ขับเคลื่อนGAP/GMP ตรวจทุเรียนอ่อนได้ทั่วประเทศ ถ้าทำได้จริงอย่างที่พูด ผอ.กมพ.คนก่อนๆคงทำแล้ว และผอ.กมพ.คนปัจจุบันก็ต้องทำได้เช่นกัน การที่จะขับเคลื่อนGAPหรือควบคุมทุเรียนอ่อนเป็นหน้าที่ของ สวพ.แต่ละเขต กมพ.เป็นแค่หน่วยงานสนับสนุน ความสำเร็จอยู่ที่การทำงานเชิงรุกและทำงานเป็นทีมยิ่งการให้ไปตรวจจับทุเรียนอ่อนนี่ทำไม่ได้เลยเพราะไม่มีกฎหมายรองรับ

5.ย้ายเพื่อจะให้ไปสร้างความก้าวหน้าในพื้นที่อื่นบ้างแล้วเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่มาแทน แนวคิดนี้อาจต้องทบทวนเพราะสุ่มเสี่ยงต่อความล้มเหลวมาก การอยู่ในพื้นทีเป็นเวลานานสิ่งที่ได้คือเครือข่ายที่กว้างเอื้อต่อการทำงาน หากย้ายบ่อยก็ต้องไปสร้างเครือข่ายใหม่ยังไม่ทันได้เครือข่ายก็ถูกย้ายอีกแล้วจะทำงานได้อย่างไร ที่สวพ.เขตอื่นขับเคลื่อนงานไม่ได้เหมือนเขต 6 ก็เพราะเหตุผลนี้

#สุดท้ายก็สรุปได้ว่าถูกย้ายเพราะอะไรแต่ไม่ใช่อย่างที่พูดแน่นอน

   ที่ตัดสินใจลาออกเพราะเคยเรียนผู้บริหารไว้แล้วว่าถ้าย้ายออกจากจันทบุรีบ้านเกิดต้องลาออกเพราะไม่ประสงค์จะก้าวหน้ากว่านี้และต้องการทำงานให้กับเกษตรกรในพื้นที่มากกว่า

   การตัดสินใจลาออกไม่ใช่ขัดขืนคำสั่งแต่เป็นการรักษาศักดิ์ศรีข้าราชการ