ดาวโจนส์ทะยาน 828 จุด หนุนเดือนต.ค.ทุบสถิติหุ้นขึ้นมากสุดรอบ 35 ปี

ดาวโจนส์ทะยาน 828 จุด หนุนเดือนต.ค.ทุบสถิติหุ้นขึ้นมากสุดรอบ 35 ปี

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์(28ต.ค.)พุ่งขึ้น 828 จุด ขานรับการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และจะลดแรงกดดันในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

นอกจากนี้ ตลาดคาดว่าการทรุดตัวของดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ในเดือนก.ย. จะทำให้เฟดผ่อนคันเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 828.52 จุด หรือประมาณ  2.6% ปิดที่ 32,861.80 จุด

ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้นเกือบ 2.5% ปิดที่ 3,901.06 จุด

ดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้นประมาณ 2.9% ปิดที่ 11,102.45 จุด

ขณะที่เหลือวันทำการซื้อขายอีกเพียง 1 วันในวันจันทร์ที่ 31 ต.ค. แต่ขณะนี้ดัชนีดาวโจนส์ได้พุ่งขึ้นแล้ว 13.4% นับตั้งแต่ต้นเดือนต.ค. ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติทะยานขึ้นในเดือนนี้มากที่สุดเมื่อเทียบรายเดือน นับตั้งแต่เดือนม.ค.2530 หรือในรอบ 35 ปี โดยในเดือนดังกล่าวดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 13.8%

หุ้นกลุ่มพลังงาน ต่างดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่พุ่งขึ้น นับตั้งแต่ที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในเดือนก.พ.

สำนักงานสถิติกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 6.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 6.2% เช่นกันในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.3%

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนส.ค.

ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 5.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.2% แต่สูงกว่าระดับ 4.9% ในเดือนส.ค.

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค.

ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ดิ่งลง 10.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2553

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีจะลดลงเพียง 4% และเมื่อเทียบรายปี ดัชนีทรุดตัวลง 31% ในเดือนก.ย.

การทำสัญญาขายบ้านได้รับผลกระทบจากสต็อกบ้านในระดับต่ำ, ราคาบ้านที่พุ่งสูง และการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง

ทั้งนี้ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เป็นมาตรวัดจำนวนสัญญาซื้อบ้านมือสองที่มีการเซ็นสัญญาแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดการขาย และโดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนสำหรับการเซ็นสัญญาจนกระทั่งปิดการขาย