หอการค้าไทย มองเศรษฐไทยฟื้น ประเมินน้ำท่วมกระทบจีดีพี1-1.5 %

หอการค้าไทย มองเศรษฐไทยฟื้น ประเมินน้ำท่วมกระทบจีดีพี1-1.5 %

ม.หอการค้าไทย เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนีเชื่อมั่นหอการค้าไทย ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากโควิดคลาย เปิดประเทศ ส่งออกดี ส่งสัญญาณเศรษฐกิจไทยฟื้น ขอรัฐดูแลอัตราดอกเบี้ย พลังงาน คุมต้นทุนการผลิต ประเมิน น้ำท่วมทำเศรษฐกิจ 1.2- 2 หมื่นล้านบาทกระทบจีดีพี1-1.5 %

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศจำนวน2,242คน พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.2565 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ที่  44.6 จากเดือนส.ค.ที่อยู่ในระดับ 43.7  ซึ่งปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนนับตั้งแต่เดือนก.พ.2565 เป็นต้น  ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่ที่ 38.6 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำ อยู่ที่ 41.9 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ระดับ 53.3

การที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีมาจากผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่สถานการณ์โควิดในประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้นและมีการผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ให้ธุรกิจเริ่มเปิดดำเนินการได้เป็นปกติตลอดจนการผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้สะดวกมากขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงอย่างมากจากช่วงครึ่งปีแรก

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการที่ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นรวมถึงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ตลอดจนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย  ซึ่งต้องติดตามว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจไทยมากน้อยเพียงไรและยาวนานเพียงใด ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงต่ำกว่าเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ระดับ 3.0-3.5% ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม หากความเชื่อมั่นยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้นในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยอยู่ที่ 42.5 ปรับขึ้นจากเดือนส.ค.ที่อยู่ที่40.0 เป็นการปรับขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งเป็นสัญญาณการฟื้นตัวของผู้ประกอบการที่มองว่า เศรษฐกิจเริ่มฟื้นแล้ว โดยดูจากตัวเลขดัชนีหอการค้าทุกภาคอยู่ในระดับเกิน 50 ขึ้นไป  โดยมีปัจจัยบวกมาจากครม. ให้ความเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน เช่น คนละครึ่งเฟส 5 และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5การส่งออกของไทยเดือน ส.ค. 65 ขยายตัว 7.54 % การท่องเที่ยว การพยุงราคาน้ำมันดีเซล ส่งผลให้เศรษฐกิจในภูมิภาคปรับตัวดีขึ้นและมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องแต่ภาคเอกชนต่างๆกังวลปัญหาสงคราม 2 ประเทศรวมถึงความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยหลักที่จะกระทบต่อการลงทุนในอนาคตได้

“หอการค้าไทย มองว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นแล้ว ดูจากดัชนีความเชื่อมั่นของหอการค้าไทยและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง  อย่างไรก็ตามแม้เศรษฐกิจจะฟื้นจะก็ยังเปราะบางซึ่งภาครัฐต้องเข้ามาดูแลทั้งเรื่องของ ความช่วยเหลือความเสียหายจากน้ำท่วม การดูแลอัตราดอกเบี้ยไม่ให้สูงเพราะจะเป็นผลเสียต่อการดำเนินธุรกิจที่เริ่มฟื้นตัว การพยุงราคาพลังงาน มาตรการดูแลต้นทุนของปัจจัยการผลิตของธุรกิจไม่ให้ส่งผลกระทบในวงกว้าง”

สำหรับผลกระทบจากน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ศูนย์ฯ ประเมินว่าจะสร้างความเสียหายประมาณ 1.2- 2 หมื่นล้านบาท แยกเป็น ภาคการเกษตร  6,000-8,000 ล้านบาท ภาคอุตสาหกรรม6,000-12,000 ล้านบาท ซึ่งผลกระทบจากน้ำท่วมมีน้อย เนื่องจากความเสียหายกระทบเพียงในพื้นที่พืชไร ไม่ได้กระทบต่อปศุสัตว์มาก โดยภาพรวมความเสียหายจะกระทบจีดีพีเพียง 1-1.5 % เท่านั้น