บอร์ดกุ้งยัน ‘นำเข้า’ ช่วงผลผลิตในประเทศขาดแคลน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมอบนโยบายให้กรมประมงดำเนินการฟื้นฟูผลผลิตกุ้งทะเลของประเทศไทยและแต่งตั้งชริมพ์บอร์ด ประกอบกับการจัดทำแผนฟื้นฟูผลผลิตกุ้งทะเลของประเทศไทย โดยตั้งเป้าหมายให้กุ้งทะเลกลับมามีผลผลิตในระดับ 400,000 ตัน ภายในปี 2566

อธิบดีกรมประมง เฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการห่วงโซ่การผลิตกุ้งทะเลและผลิตภัณฑ์ หรือ ชริมพ์บอร์ด (Shrimp Board) กล่าวถึงกรณีผู้ประกอบการห้องเย็นและโรงงานแปรรูป นำเข้ากุ้งทะเลจากต่างประเทศ  และเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งเกรงว่าจะกระทบต่อเสถียรภาพราคากุ้งทะเลภายในประเทศนั้น ปัญหาโรคกุ้งทะเล คุณภาพลูกพันธุ์กุ้ง และอาหารกุ้งในอดีต ทำให้การเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องถดถอย ผู้ประกอบการห้องเย็นและโรงงานแปรรูปที่ส่งออกกุ้งทะเลเป็นหลักต้องปิดตัวลงจากเดิมที่มีอยู่เกือบ 200 แห่ง ปัจจุบันเหลือเพียง 20 แห่ง ขณะที่จำนวนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทะเลก็ลดลง ทำให้ปริมาณการผลิตกุ้งของไทยที่เคยสูงสุดในปี 2552 ประมาณ 567,000 ตัน เหลือเพียงประมาณ 255,000 ตัน ในปี 2564 ซึ่งลดลง 55.03 % เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมอบนโยบายให้กรมประมงดำเนินการฟื้นฟูผลผลิตกุ้งทะเลของประเทศไทยและแต่งตั้งชริมพ์บอร์ด  ประกอบกับการจัดทำแผนฟื้นฟูผลผลิตกุ้งทะเลของประเทศไทย โดยตั้งเป้าหมายให้กุ้งทะเลกลับมามีผลผลิตในระดับ 400,000 ตัน ภายในปี 2566

ภายใต้การหารือของชริมพ์บอร์ดเกี่ยวกับแนวทางในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้และยังคงมีศักยภาพทางการแข่งขันในระดับโลก ซึ่งชริมพ์บอร์ดมีฉันทามติร่วมกัน 3 ฝ่าย ได้แก่ 1.ผู้แทนเกษตรกร ประกอบด้วย สมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย สมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทย สมาคมเครือข่าย 
ผู้เลี้ยงกุ้งไทย สมาคมผู้เลี้ยงกุ้งจันทบุรี สหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง จำกัด ชมรมเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดสงขลา เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งภาคกลาง ชมรมผู้ผลิตลูกพันธุ์สัตว์น้ำ และกลุ่มคลัสเตอร์กุ้งกุลาดำไทย 

2.ผู้ประกอบการห้องเย็นและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ประกอบด้วย สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย สมาคมการค้าปัจจัยการผลิตสัตว์น้ำไทย และสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย 

และ 3.หน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วย กรมประมง และกรมการค้าภายใน  
ในการนำเข้าวัตถุดิบกุ้งทะเลจากต่างประเทศเฉพาะช่วงเวลาและปริมาณผลผลิตภายในประเทศมีปริมาณน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงงานแปรรูป ซึ่งมาตรการนำเข้าวัตถุดิบกุ้งทะเลนี้เพื่อการแปรรูปและส่งออกเท่านั้น และกำหนดแผนการนำเข้าวัตถุดิบกุ้งทะเลจากสาธารณรัฐเอกวาดอร์และสาธารณรัฐอินเดีย ปี 2565 ปริมาณรวม 10,501 ตัน จากปริมาณการผลิตกุ้งทะเลของไทยในปี 2565 (มกราคม - กรกฎาคม) 138,732.43 ตัน แลกกับการประกันราคาโดยภาคเอกชนซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564 เป็นต้นมา และจะยังคงช่วยเหลือเกษตรกรไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งผู้แทนเกษตรกรในชริมพ์บอร์ดข้างต้นเห็นด้วยกับการดำเนินการดังกล่าว ทำให้ราคากุ้งภายในประเทศได้รับการประกันขั้นต่ำโดยภาคเอกชนเป็นครั้งแรก ซึ่งไม่เป็นภาระของรัฐบาลเหมือนในอดีต 

จากการประกาศราคาประกันของชริมพ์บอร์ด และเริ่มดำเนินการรับซื้อผลผลิตกุ้งทะเลจากเกษตรกร ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564 เป็นต้นมา ส่งผลให้ราคากุ้งทะเลภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้น โดยพบว่า ราคากุ้งขาวแวนนาไม ณ ตลาดทะเลไทย จังหวัดสมุทรสาคร ระหว่างเดือนตุลาคม 2564 - สิงหาคม 2565 ราคาเฉลี่ยรายเดือนปรับเพิ่มขึ้นทุกขนาด ประมาณ 6.32 - 12.70 บาท/กก. และราคากุ้งขาวแวนนาไมปากบ่อ ระหว่างเดือนตุลาคม 2564 - สิงหาคม 2565 ราคาเฉลี่ยรายเดือนปรับเพิ่มขึ้นทุกขนาดเช่นกัน ประมาณ 11.85 - 20.64 บาท/กก. ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าการนำเข้ากุ้งทะเลจากต่างประเทศไม่กระทบกับราคากุ้งภายในประเทศแต่อย่างใด ภายใต้การประกันราคาจากห้องเย็นและโรงงานแปรรูป