"สนธิรัตน์" ผุด "สารคามโมเดล" ผลักดันเศรษฐกิจฐานรากยกระดับคุณภาพชีวิต

"สนธิรัตน์" ผุด "สารคามโมเดล" ผลักดันเศรษฐกิจฐานรากยกระดับคุณภาพชีวิต

“สนธิรัตน์” ลั่นพร้อมหนุน พ.ร.บ.ส่งเสริมระบบสวัสดิการชุมชน - ผลักดันเศรษฐกิจฐานราก แก้หนี้ เพิ่มทุน สร้างรายได้ ดันสภาองค์กรชุมชน - องค์กรสวัสดิการชุมชน เป็นหัวหอกขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ชมคนสารคามมีศักยภาพเล็งใช้เป็นโมเดลนำร่อง มั่นใจยกระดับคุณภาพชีวิตได้

26 สิงหาคม 2565 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) พร้อมด้วย นายสุพล ฟองงาม รองหัวหน้าพรรค และประธานภาคอีสาน นายบุญส่ง ชเลธร รองเลขาธิการพรรค นางทิพย์พาพร ตันติสุนทร กรรมการบริหารพรรค นายสุทธิชัย จรูญเนตร รองประธานภาคอีสาน และว่าที่ผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัคร ส.ส. ภาคอีสาน จากอุบลราชธานี ยโสธร อุดรธานี และมหาสารคาม ร่วมพบปะแกนนำจากสภาองค์กรชุมชน กองทุนสวัสดิการชุมชนวิสาหกิจชุมชน ในระดับอำเภอ จำนวนกว่า 150 คน ในเวทีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากเพื่ออนาคตไทย ที่โรงแรมพิมานอินน์ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม  

โดย นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตนมาในฐานะคนที่ทำเรื่องเศรษฐกิจฐานรากมาก่อน ภายใต้ปรัชญาใช้พื้นที่เป็นตัวตั้งที่ผ่านมาไม่เคยทิ้งเรื่องเศรษฐกิจฐานรากไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหน ถือเป็นหัวใจการทำงานหลักของตน ซึ่งมองว่าที่ผ่านมาการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ของกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอ สิ่งที่กลุ่มทำถือเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่มาก ซึ่งความเข้มแข็งของชุมชนเกิดจากคนในชุมชนพึ่งพาตนเอง ขณะที่องค์กรสวัสดิการชุมชนที่ผ่านมาช่วยตัวเองอย่างเดียว เคยมีการร้องขอให้ออก พ.ร.บ.ส่งเสริมระบบสวัสดิการชุมชนมา 16 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า 

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตนมา จ.มหาสารคาม เพราะประชาชนที่นี่เข้มแข็งมาก ดังนั้น ต้องเริ่มจากจุดที่เข้มแข็งสร้างให้เป็นโมเดลเพื่อขยายไปสู่จังหวัดอื่นๆ แม้ว่าจะทำได้ไม่ทั้งหมดในช่วงเวลานี้ แต่หลังจากที่ขับเคลื่อนจนได้ พ.ร.บ.แล้ว ตนมั่นใจว่า จะสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นทั่วประเทศได้ และเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะใช้ "สารคามโมเดล" เป็นตัวตั้งของกองทุนสวัสดิการชุมชน 

ส่วนเรื่องเศรษฐกิจฐานราก ถือเป็นหนึ่งในนโยบาย 5 สร้างของพรรค ความเข้มแข็งชุมชนคือ หัวใจสำคัญของประเทศการสร้างเศรษฐกิจฐานรากของพรรค จะทำควบคู่กันไปใน 3 ด้าน คือ การแก้หนี้ เพิ่มทุน สร้างรายได้เพิ่ม ภายใต้แนวคิดขับเคลื่อนกลุ่มที่มีศักยภาพ 10-50 คน โดยขณะนี้ได้เริ่มนำร่องแล้วในพื้นที่ จ.มหาสารคาม ในกลุ่มเกษตรกรปลูกข้าว ซึ่งประสบปัญหาในเรื่องราคาตกต่ำ

โดยเข้าไปช่วยในการลดต้นทุนการผลิต และผลักดันราคาขายให้มากกว่าท้องตลาด 0.50 สตางค์ – 1 บาทต่อกิโลกรัม โดยร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) กลุ่มรถเกี่ยวข้าวในพื้นที่ ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ (26 ส.ค.) ตนจะเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มชาวนาที่ได้นำร่องไว้ และจะขยายโครงการนี้ไปสู่พื้นที่อื่นๆ ในประเทศต่อไป 

ทั้งนี้ ในด้านกลุ่มกองทุนสวัสดิการชุมชน ได้สะท้อนถึงแนวทางการทำงานที่ผ่านมาว่า กลุ่มกองทุนตั้งมาเพื่อช่วยเหลือตนเอง ผู้อื่น ชุมชน และสังคม โดยสมาชิกกองทุนเป็นทั้งผู้ให้ และผู้รับ ดูแลคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนตั้งแต่เกิดจนตาย โดยที่ผ่านมากองทุนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือวิกฤติของประเทศ เช่น สถานการณ์โควิด โดยได้เข้าไปช่วยในส่วนการจัดหาหน้ากากผ้า และจัดหาสมุนไพรในการรักษาให้กับชุมชนต่างๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือทั่วประเทศ

นอกจากนี้ เมื่อครั้งที่นายสนธิรัตน์ ดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงาน ได้ร่วมขับเคลื่อนโครงการการใช้พลังงานทดแทน หรือพลังงานชุมชน เช่น โครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร ซึ่งถือเป็นผลงานที่จับต้องได้ การทำงานของกลุ่มกองทุนทำงานรูปแบบ 3 ขาได้แก่ ตนเอง ชุมชน และรัฐ ซึ่งที่ผ่านยังได้รับการสนับสนุนไม่เพียงพอ ขณะที่พรรคสร้างอนาคตไทย มีนโยบายที่สนับสนุนเรื่องเศรษฐกิจฐานรากอย่างชัดเจน มีผลงานที่จับต้องได้ เชื่อว่าพร้อมที่จะใช้ชุมชนเป็นแกนหลักของพื้นที่ และเป็นตัวตั้งในการสร้างเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งกลุ่มกองทุนสวัสดิการชุมชนก็พร้อมที่จะร่วมสร้างอนาคตเศรษฐกิจฐานราก และสร้างอนาคตไทยไปด้วยกัน

โดยหลังจากนี้ ทางกลุ่มกองทุนสวัสดิการชุมชน ได้เสนอให้นายสนธิรัตน์ และพรรคสร้างอนาคตไทย ลงพื้นที่ 3 จังหวัดเพื่อพบปะกลุ่มกองทุนสวัสดิการชุมชน ในการเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการเศรษฐกิจฐานรากอีกด้วย

\"สนธิรัตน์\" ผุด \"สารคามโมเดล\" ผลักดันเศรษฐกิจฐานรากยกระดับคุณภาพชีวิต \"สนธิรัตน์\" ผุด \"สารคามโมเดล\" ผลักดันเศรษฐกิจฐานรากยกระดับคุณภาพชีวิต