มิติใหม่!ยกระดับบริการออกแบบออฟฟิศ ใช้เทคโนโลยีประสาทวิทยา

มิติใหม่!ยกระดับบริการออกแบบออฟฟิศ ใช้เทคโนโลยีประสาทวิทยา

JLLจับมือEMOTIV เปิดมิติใหม่ยกระดับบริการออกแบบออฟฟิศผ่านการศึกษาการตอบสนองทางความคิดของมนุษย์ต่อสถานที่ทำงานโดยใช้เทคโนโลยีประสาทวิทยา

"เจแอลแอล" บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในเอเชียแปซิฟิก ด้วยการประกาศความร่วมมือกับ "EMOTIV" บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา ในการปฏิรูปการออกแบบสถานที่ทำงาน โดยทั้งสองบริษัทได้ร่วมกันศึกษาวิธีการนำเอาข้อมูลที่ได้จากการศึกษาด้านประสาทวิทยา มาใช้ประกอบการกำหนดแนวทางการออกแบบออฟฟิศ-สำนักงานที่จะสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีและเพิ่มประสิทธิผลในการทำงานของพนักงานบริษัท

ด้วยการใช้อุปกรณ์เฮดเซ็ตที่คิดค้นขึ้นโดย EMOTIV ทำให้การวิจัยสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ที่กระชับและชัดเจนเกี่ยวกับสถานะทางอารมณ์และกระบวนการรับรู้ของผู้เข้าร่วมการศึกษาวิจัย ทั้งนี้ เจแอลแอลและ EMOTIV กำลังร่วมกันศึกษาวิจัยเป็นชุดๆ ต่อเนื่อง โดยในเบื้องต้นจะเริ่มที่สิงคโปร์ก่อน ซึ่งจะเป็นการศึกษาว่ามีด้านใดบ้างและวิธีใดบ้าง ที่พนักงานบริษัท/องค์กรต่างๆ จะสามารถยกระดับประสิทธิผลการทำงาน และบริหารจัดการด้านสุขภาพกายและใจในสถานที่ทำงานให้ดียิ่งขึ้น 

การศึกษาเหล่านี้ จะเป็นการวัดประสิทธิภาพการทำงานและสุขภาวะของพนักงานในการทำงานต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายและในหลากหลายสถานการณ์ โดยเจแอลแอลและ EMOTIV จะร่วมกันวิเคราะห์ว่า สมองของพนักงานออฟฟิศ มีการตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมการทำงานต่างๆ อย่างไร

นายเบน แฮมเลย์ หัวหน้าหน่วยงานด้านอนาคตของวิถีการทำงาน เจแอลแอลภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า เจแอลแอลมองว่า สถานที่ทำงานแห่งอนาคต เปรียบได้กับส่วนขยายทางความคิดของมนุษย์ โดยวิกฤติการณ์โรคระบาด ได้ตอกย้ำแนวคิดที่ว่า ออฟฟิศไม่ได้เป็นเพียงที่ๆ ผู้คนเข้ามานั่งทำงานอีกต่อไป และต้องปรับเปลี่ยนไปสู่การเป็นสถานที่ที่พนักงานสามารถเติบโต ได้รับพลัง และกลับมามีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน

ทั้งนี้ การที่จะสามารถออกแบบออฟฟิศที่เน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงาน จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า พนักงานต้องการอะไร ดังนั้น เราจึงหันมาใช้ประสาทวิทยาศาสตร์ และความร่วมมือของเรากับ EMOTIV จึงเป็นสิ่งที่ลงตัว

การศึกษาวิจัยระหว่างเจแอลแอลและ EMOTIV ยังมีเป้าหมายที่จะค้นหาปัจจัยที่จะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในระหว่างการทำงานให้แก่พนักงาน เช่น การศึกษาสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับกิจกรรมการทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ อิทธิพลของการทำงานคนเดียวและการทำงานกลุ่มที่มีต่อความใส่ใจ หรือความเครียดของพนักงาน การศึกษาสภาวการณ์ที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นทีม ตลอดไปจนถึงช่วงเวลาใดในระหว่างวันทำงานที่เหมาะให้พนักงานได้หยุดพัก

นายตัน ลี ซีอีโอของ EMOTIV กล่าวว่า เทคโนโลยีของเรา ไม่เพียงสามารถเผยให้เห็นปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมการทำงานที่พนักงานให้การตอบสนองที่ดีที่เท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้รู้ว่า ณ จุดใดที่พนักงานจะเริ่มสูญเสียสมาธิหรือความสนใจในงานที่ทำ หรือเกิดความเครียดที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิผลการทำงาน ด้วยข้อมูลที่เรารวบรวม เราสามารถระบุบได้ว่า อะไรคือสิ่งหลักๆ ที่ต้องคำนึงถึงในการออกแบบสถานที่ทำงานที่จะส่งเสริมสุขภาพกาย-ใจ และประสิทธิภาพของพนักงาน

เจแอลแอล มีเป้าหมายที่จะใช้การศึกษารูปแบบความคิดของสมองมนุษย์ในหมู่คนทำงานในออฟฟิศ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกสำหรับนำมาใช้ช่วยลูกค้าที่เป็นบริษัทหรือองค์กรต่างๆ ในการกำหนดแนวทางการออกแบบสถานที่ทำงานที่อำนวยประโยชน์สูงสุดและสร้างประสบการณ์ที่ดีที่จะช่วยประสานสภาพแวดล้อมการทำงานให้เข้ากับพนักงาน ไม่ว่าเป็นในสถานที่จริงหรือในโลกออนไลน์

นายแอนโธนี เคาส์ ซีอีโอ เจแอลแอล ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า  ออฟฟิศจะยังคงเป็นสิ่งที่บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องมีต่อไป แต่จะมีบทบาทและการใช้งานที่ต่างไปจากอดีตมาก งานวิจัยต่างๆ แสดงให้เห็นว่า ปัจจุบัน พนักงานให้ความสำคัญสูงกับคุณภาพชีวิตและการมีสุขภาวะที่ดี ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่บริษัทหรือองค์กร จะสามารถเปลี่ยนออฟฟิศ ให้เป็นสถานที่ที่มีคุณค่ามากขึ้น ช่วยให้สามารถตอบสนองความต้องการของพนักงานได้ดีขึ้น ด้วยการใช้เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ๆ และกลยุทธ์การออกแบบที่คำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้เป็นหลัก

นายจอร์ดี มาร์ติน ซีอีโอกลุ่มธุรกิจบริการด้านสถานประกอบการ เจแอลแอลภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ลูกค้าของเราจำนวนมากที่เป็นบริษัทผู้เช่า/ใช้สำนักงาน ตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของออฟฟิศสำนักงาน โดยเฉพาะในวิถีการทำงานยุคใหม่ที่ออฟฟิศ"ไม่ใช่"ที่สถานที่เดียวที่พนักงานใช้นั่งทำงาน

"เราพบว่า ออฟฟิศมีความสำคัญมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ในฐานะของสถานที่ที่เหมาะสมมากกว่าสำหรับการทำงานร่วมกัน การประชุมร่วมกันในสถานที่จริง (face to face) การมีปฏิสัมพันธ์ และการก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์"

ขณะเดียวกันพบว่ามีความต้องการสูงด้วยเช่นกันสำหรับพื้นที่ทำงานที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง ดังนั้น การที่จะผสมผสานความต้องการทั้งสองประเภทที่แตกต่างกันนี้ จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจในเชิงวิทยาศาสตร์ถึงความคิดของผู้คนในระหว่างการทำงาน

ในระยะยาวต่อไป เจแอลแอลตั้งเป้าที่จะทำงานร่วมกับ EMOTIV ในการจัดตั้งกลุ่มบริษัทที่จะรวมตัวกันเพื่อศึกษาว่า การออกแบบสถานที่ทำงานและเทคโนโลยีในที่ทำงานจะมีส่วนช่วยให้พนักงานได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นและทำงานได้มีประสิทธิผลมากขึ้นได้อย่างไร