“กรุงไทยคอมพาส”ส่องโรงพยาบาลเอกชนเริ่มฟื้น คาดรายได้ปีนี้พุ่ง 42%

“กรุงไทยคอมพาส”ส่องโรงพยาบาลเอกชนเริ่มฟื้น คาดรายได้ปีนี้พุ่ง 42%

"กรุงไทย คอมพาส"วิเคราะห์ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนฟื้นตัวชัดเจนในปีนี้ คาดรายได้ขยายตัว 42.5% คาดปีหน้า การเดินทางระหว่างประเทศเข้าสู่ภาวะปกติ หนุน Medical Tourism Trend ขณะที่ Health Tech ที่เป็นตัวช่วยอาจกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของธุรกิจ

วันที่ 30 ส.ค.2565 สุจิตรา อันโน นักวิเคราะห์จาก กรุงไทย คอม พาส (Krungthai COMPASS) หน่วยงานวิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจ ในเครือธนาคารกรุงไทย ออกบทวิเคราะห์ "ส่องทิศทางธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนปี 2565 รายได้ขยายตัวต่อเนื่อง ตอบรับข่าวดีเปิดประเทศ ส่งสัญญาณบวกต่อไปในปี 2566"
๐ภาพรวมรายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในปี 2565 ขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2564 เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากปัจจัยชั่วคราวจากการรับรักษาคนไข้ติดเชื้อโควิด-19 และความต้องการรักษาโรคที่ไม่เกี่ยวกับโควิด-19 ที่มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการเปิดประเทศที่ทำให้รายได้จากคนไข้ต่างชาติทยอยฟื้นตัว

ภาพรวมรายได้ของโรงพยาบาลเอกชน ปี 2565 มีโอกาสขยายตัว 42.5%YoY โดยกลุ่มลูกค้าหลักที่มาใช้บริการในปี 2565 ยังเป็นกลุ่มคนไข้ชาวไทย และคาดว่าในปี 2566 ธุรกิจจะขยายตัวต่อเนื่อง 19.8%YoY จากปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมจากการฟื้นตัวที่เด่นชัดขึ้นของ Medical Tourism

ภาพรวมธุรกิจ: ในปี 2565 คาดว่า ธุรกิจจะขยายตัวต่อเนื่อง 42.5%YoY หลังจากในปี 2564 ธุรกิจกลับมาฟื้นตัวได้ 32.3%YoY เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากปัจจัยชั่วคราวจากการรับรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 และความต้องการรักษาโรคที่ไม่เกี่ยวกับโควิด-19 ที่มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้น

โดยกลุ่มลูกค้าหลักที่มาใช้บริการในปี 2565 ยังเป็นกลุ่มคนไข้ชาวไทย ซึ่งกลุ่มลูกค้าประกันสุขภาพนับว่ามีศักยภาพที่จะช่วยหนุนรายได้ของโรงพยาบาลเอกชน อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 และการเปิดประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ส่งผลดีต่อรายได้ของกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนที่มีสัดส่วนคนไข้ต่างชาติสูงอย่างโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) สมิติเวช (SVH) และกลุ่มกรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) 
 

ทั้งนี้ Krungthai COMPASS ประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในไทยในปี 2565 อยู่ที่ราว 8.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากที่ประมาณการไว้ในช่วงครึ่งแรกของปี และในจำนวนนี้ คาดว่าจะมีสัดส่วนของกลุ่มคนไข้ต่างชาติที่ต้องการเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ในไทยค่อนข้างสูง ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจ

สำหรับปี 2566 คาดว่าสถานการณ์การเดินทางระหว่างประเทศจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศสะดวกขึ้น ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนสามารถขยายตัวต่อเนื่อง 19.8%YoY โดยมีปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมจากการฟื้นตัวที่เด่นชัดขึ้นของ Medical Tourism โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนไข้ชาวต่างชาติ จากอาเซียน จีน รัสเซีย ญี่ปุ่น และตะวันออกกลาง จะยังคงกลับมาใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนในไทย

เนื่องจากเชื่อมั่นในคุณภาพการรักษา ค่ารักษาพยาบาลและค่าครองชีพไม่สูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน อีกทั้งมีมาตรฐานและบริการที่ดี ซึ่งประเทศไทยมีสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI มากถึง 59 แห่ง

ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนสำคัญตามโครงสร้างพื้นฐานเดิมยังส่งผลอยู่ คือ ความต้องการการรักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนคนไข้และอัตราการเจ็บป่วยที่สูงขึ้น ทั้งจากวิถีการดำเนินชีวิตที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค สังคมผู้สูงอายุ และการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ ที่รุนแรงขึ้น

๐ลูกค้ากลุ่มประกันสุขภาพยังเป็นเป้าหมายสำคัญที่ช่วยหนุนรายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังเปราะบาง และแรงกดดันจากปัญหาเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น 

จากข้อมูลโครงสร้างการจ่ายค่ารักษาพยาบาลของคนไข้โรงพยาบาลเอกชนจาก Fitch Solutions พบว่าคนไข้ที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วยตนเองมีสัดส่วนมากสุด รองลงมาเป็นลูกค้าประกันสุขภาพ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของเครือ BDMS ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากสุด  

ดังนั้น ท่ามกลางสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังเปราะบาง ขณะที่กำลังซื้อต้องเผชิญกับแรงกดดันจากปัญหาเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น กลุ่มลูกค้าประกันสุขภาพถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพที่จะเข้ามาช่วยหนุนรายได้ของโรงพยาบาลเอกชน หลังจากที่ปัจจัยชั่วคราวจากการรับรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ โควิด-19 และรายได้จากวัคซีนทางเลือก ทยอยหมดลง ซึ่งการขยายฐานลูกค้ากลุ่มนี้ต้องมีการวางกลยุทธ์ และสร้างความร่วมมือกับบริษัทประกันฯ เพื่อออกแบบกรมธรรม์และเพิ่ม Privilege ในการใช้บริการที่โรงพยาบาลเอกชนนั้นๆ
“กรุงไทยคอมพาส”ส่องโรงพยาบาลเอกชนเริ่มฟื้น คาดรายได้ปีนี้พุ่ง 42%
๐คนไทยกังวลเรื่องสุขภาพ สนใจซื้อประกันสุขภาพเพื่อป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน
จากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้คนไทยตื่นตัวในเรื่องของการดูแลสุขภาพ การป้องกันโรค และการรักษาโรคมากขึ้น รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับภาระค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้น

ส่งผลให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของการซื้อประกันสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงจากการแบกรับภาระค่ารักษาพยาบาลที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งต้องการความสะดวกสบายจากการใช้บริการในโรงพยาบาลเอกชน

โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับปานกลาง ซึ่งสอดคล้องกับรายงานการศึกษา เรื่อง ประมาณการค่าใช้จ่ายสาธารณะด้านสุขภาพในอีก 15 ปีข้างหน้า ของ TDRI ที่พบว่า อัตราการใช้สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้าแปรผกผันกับรายได้ นั่นคือ เมื่อรายได้เพิ่มขึ้นอัตราการใช้สิทธิจะลดลง และยอมจ่ายเงินเพิ่มเพื่อไปโรงพยาบาลเอกชน หรือซื้อประกันสุขภาพ เพราะต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น 

“กรุงไทยคอมพาส”ส่องโรงพยาบาลเอกชนเริ่มฟื้น คาดรายได้ปีนี้พุ่ง 42%
ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบเบี้ยประกันสุขภาพรวมระหว่างช่วงครึ่งปีแรก 2562 (ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19) กับครึ่งปีแรก 2565 พบว่า ครึ่งปีแรก 2565 มีมูลค่าเบี้ยประกันสุขภาพรวมมากกว่าครึ่งปีแรก 2562 ถึง 1.3 เท่า อย่างไรก็ดี Krungthai COMPASS มองว่า การขยายตัวของประกันสุขภาพยังมี room to grow เนื่องจากเบี้ยประกันสุขภาพรวมต่อจำนวนประชากรยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ โดยในปี 2564 มีค่าประมาณ 1,691 บาทต่อคน

๐อานิสงส์ยกเลิก Thailand Pass แรงหนุนให้ Medical Tourism ทยอยฟื้นตัว
ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ลูกค้ากลุ่มท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ เป็นลูกค้าสำคัญที่สร้างรายได้ให้โรงพยาบาลเอกชนให้เติบโตต่อเนื่อง แต่เมื่อเกิดวิฤติ ทำให้รายได้ส่วนนี้หดหายไปจากการงดเดินทางระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ดี รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 และเริ่มเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 โดยการยกเลิก Thailand Pass ส่งผลให้รายได้ของโรงพยาบาลเอกชนที่พึ่งพารายได้จากคนไข้ต่างชาติในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ส่งผลให้การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในปี 2565 ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

แต่คาดว่าจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในปี 2566 โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ ได้แก่ สถานพยาบาลในไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล JCI 59 แห่ง มากกว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาค ค่ารักษาพยาบาลไม่สูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน

อีกทั้งยังมีมาตรฐานและบริการที่ดี พร้อมด้วยชื่อเสียงในเรื่องการรักษาพยาบาลเฉพาะทาง เช่น ภาวะมีบุตรยาก เวชศาสตร์ชะลอวัย การผ่าตัดแปลงเพศ เป็นต้น นอกจากนี้ ค่าครองชีพในไทยยังไม่สูงมาก เหมาะแก่การพำนักรักษาตัวและพักฟื้นร่างกายในระยะยาว

ทั้งนี้จากการเปิดเผยข้อมูลของกลุ่มกรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) พบว่า รายได้จากคนไข้ต่างชาติมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และขยายตัวอย่างก้าวกระโดดมาตั้งแต่ไตรมาส 1/2565 ดังนั้น คาดว่าการเปิดประเทศจะยิ่งช่วยส่งเสริมให้ตลาด Medical Tourism ทยอยฟื้นตัวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

“กรุงไทยคอมพาส”ส่องโรงพยาบาลเอกชนเริ่มฟื้น คาดรายได้ปีนี้พุ่ง 42%

 
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 รายได้จากการดำเนินธุรกิจและกำไรสุทธิของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่จดทะเบียนในตลาดฯ จำนวน 24 ราย ขยายตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 125,499 ล้านบาท ขยายตัว 48.9%YoY ด้านกำไรสุทธิมีมูลค่า 24,226 ล้านบาท ขยายตัวสูงถึง 173.8%YoY

โดยกลุ่มลูกค้าหลักที่มาใช้บริการเป็นคนไข้ชาวไทย และยังได้รับอานิสงส์จากการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ส่งผลดีต่อรายได้ของกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนที่มีสัดส่วนคนไข้ต่างชาติสูงอย่างโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช กลุ่ม BDMS

“กรุงไทยคอมพาส”ส่องโรงพยาบาลเอกชนเริ่มฟื้น คาดรายได้ปีนี้พุ่ง 42%

๐Telemedicine หรือ Telehealth จะเปลี่ยนสถานะจากผู้ช่วย กลายเป็นคู่แข่งธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนได้หรือไม่
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หลังจากเกิดวิกฤติโควิด-19 เทคโนโลยีด้านสุขภาพ หรือ Health Tech ได้เข้ามามีบทบาทด้านการรักษาพยาบาลและการดูแลสุขภาพเด่นชัดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพทย์ทางไกลที่เป็นที่รู้จักและคุ้นเคยกันในชื่อ Telemedicine หรือ Telehealth ซึ่งเดิมได้ถูกนำมาใช้เพื่อเสริมศักยภาพในการให้บริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาล

แต่ในระยะถัดไปการแพทย์ทางไกลอาจจะถูกนำมาให้บริการในรูปแบบ Telehealth Kiosks ตามห้างสรรพสินค้า ศูนย์ราชการ โดยหน่วยงานรัฐ หรือความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ กลุ่ม Health Tech กับค่ายมือถือ คลินิกเวชกรรม ร้านขายยา ที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่สามารถแทนที่โรงพยาบาลได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามอง

ทั้งนี้ ภาพรวมมูลค่าตลาดของ Telehealth Kiosks ทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นซึ่งจากผลการสำรวจของ Arizton Advisory & Intelligence ได้ประเมินมูลค่าตลาดโลก Telemedicine คาดว่า ในปี 2570 มูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.18 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากปี 2564 ที่มีมูลค่า 1.12 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตเฉลี่ยปีละ 19.0%

“กรุงไทยคอมพาส”ส่องโรงพยาบาลเอกชนเริ่มฟื้น คาดรายได้ปีนี้พุ่ง 42%

๐Krungthai COMPASS มองว่า ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตได้เร็วหลังจากเจอวิกฤติที่กระทบรายได้ ซึ่งหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกคลี่คลายลง ประเมินว่าธุรกิจจะกลับมาเติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาว

โดยธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนยังมีปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่ง อาทิ ความต้องการการรักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนคนไข้และอัตราการเจ็บป่วยที่สูงขึ้นทั้งจากวิถีการดำเนินชีวิต สังคมผู้สูงอายุ และการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ การกลับมาขยายตัวของตลาดท่องที่ยวเชิงการแพทย์ ซึ่งไทยมีชื่อเสียงด้านคุณภาพการรักษาติดอันดับต้นๆ ของโลก

กอปรกับค่ารักษาพยาบาลและค่าครองชีพไม่สูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน และจากวิกฤติโควิด-19 ถือเป็นบทเรียนสำคัญของผู้ประกอบการในทุกธุรกิจ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ในการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่กระทบรายได้อย่างคาดไม่ถึง

ดังนั้น การวางแผนกลยุทธ์เพื่อการขยายฐานลูกค้าในประเทศให้กว้างขึ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าประกันสุขภาพซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากกลุ่มลูกค้าประเภทใดประเภทหนึ่งมากเกินไป โดยเฉพาะกลุ่มคนไข้ต่างชาติ โดยสร้างความร่วมมือกับบริษัทประกันฯ เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพให้สอดรับความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย Segment มากขึ้น 

แม้ว่าธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนจะมีศักยภาพในการเติบโต แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องพิจารณา ดังนี้ 

๐Health Tech หรือ Digital Health อาจจะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญทั้งทางตรงและทางอ้อม ของธุรกิจที่น่าจับตามอง ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีผนวกกับความคุ้นชินในการใช้เทคโนโลยีของผู้คน จะส่งผลให้เกิดนวัตกรรมด้านสุขภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อ Health Tech ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นจนทำให้การรักษาพยาบาลและการดูแลสุขภาพเบื้องต้นเป็นเรื่องง่าย และต่อยอดจนเกิดประโยชน์ด้านสาธารณสุขในระยะยาวที่จะช่วยลดปัญหาความแออัดในโรงพยาบาลรัฐ และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข และส่งผลให้ความต้องการใช้บริการในโรงพยาบาลเอกชนซึ่งมีต้นทุนที่สูงกว่าลดลงตามไปด้วย

อย่างไรก็ดี โรงพยาบาลเอกชนสามารถนำ Health Tech เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพในการให้บริการทางการแพทย์ให้ดียิ่งขึ้น ด้วยต้นทุนการบริการที่ถูกลง รวมถึงการมุ่งเน้นนำเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ มาใช้ในการรักษา พยาบาลที่มีความซับซ้อนของโรค

อาทิ การแพทย์แม่นยำหรือการแพทย์เฉพาะเจาะจง (Precision Medicine) การแพทย์เชิงฟื้นฟู (Regenerative Medicine) ที่เน้นการรักษาด้วยเซลล์ หรือยีนบำบัด รวมถึงการผลักดันให้แพทย์มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งจะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างการเติบโตรายได้ให้โรงพยาบาลในระยะยาว