Satang Pro ฮุกหมักเด็ดลงทุนตลาดคริปโท ย้ำ“ต้องไม่รีบ” ศึกษา รอ "ตลาดกระทิง"
"ปรมินทร์ อินโสม" ผู้ก่อตั้ง Satang Pro แนะตลาดตอนนี้ “ต้องไม่รีบ” ใช้เวลาศึกษาโปรเจกต์รอตลาดกระทิง ด้าน "ชัชวาลย์ วัฒนะโชติ" ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน แนะจัดการพอร์ตและบริหารการเงิน ถือเงินสด มองหุ้นกู้ระยะสั้น พักเงินได้ ถือพันธบัตรรัฐบาล
พูดคุยทุกประเด็น กับ “คิม- ชัชวาลย์ วัฒนะโชติ” เจ้าของช่อง Kim Property และ “หนึ่ง- ปรมินทร์ อินโสม”ผู้ก่อตั้งSatang Pro บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และผู้ร่วมก่อตั้งเหรียญ Firo ถึง “สถานการณ์ภาพรวมคริปโตและเศรษฐกิจตอนนี้”
“หนึ่ง- ปรมินทร์” กล่าวว่า ปี 2565 ปีแห่งความท้าทายต่อเศรษฐกิจและตลาดคริปโทฯ ทั้ง วิกฤตเงินเฟ้อ เศรษฐกิจโลกถดถอย แต่ในส่วนของการอัปเกรด The Merge มองว่าเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ราคา ETH ขึ้น แต่มองไว้สองระยะคือ ช่วงกำลังอัปเกรดและช่วงที่อัปเกรดเสร็จเรียบร้อยในวีคแรก หลังจากนั้น ราคาน่าจะลดลง ระบบการทำงานใหม่อย่าง PoS อาจส่งให้เกิดแรงกดดันในการขายน้อยไปและสภาพคล่อง ETH จะลดลง
ตลาดคริปโท ขาลง ยัง"ไม่ต้องรีบเร่ง "
อย่างไรก็ตามตลาดขาขึ้นจะกลับมาในปี 2567 ได้หรือไม่นั้น "ยังตอบได้ยาก" เพราะตอนนี้เรายังไม่รู้จุดต่ำสุดของตลาดหมีนี้
แต่ตลาดขาลงแบบนี้ "ไม่ต้องรีบเร่ง "ถ้าเงินที่ลงทุนตอนนี้เป็นเงินเย็นยังไม่ต้องรีบขาย ใช้เวลาศึกษาโปรเจกต์
"ถ้าคริปโทฯ ที่ยังมีการพัฒนาโปรเจกต์อยู่ มีการดูแล Community ที่ดี ก็จะฉุกคิดได้ว่าโปรเจกต์เหล่านั้นตั้งใจพัฒนาจริง เป็นตัวจริง แล้วรอสร้างผลกำไรจากตลาดได้ในช่วงขาขึ้น (Bullish) และเราก็จะสามารถปรับตัวได้ทันในตลาดหมีรอบหน้าด้วย"
ตลาดคริปโทฯ ยังมีแรงกดดัน จับตาขาขึ้นปี67
ด้าน "คิม-ชัชวาลย์" มีมุมมองต่อสถานการณ์ของตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในไตรมาส 3-4 และในปี 2566ว่า ในปัจจุบัน ตลาดคริปโทฯ ถือว่าเป็นที่สนใจระดับวงกว้างแล้ว เพราะมีทั้งกองทุนหรือบริษัทใหญ่ ๆ เข้ามาถือคริปโทฯด้วย
สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดคือ ตลาดทุนหรือเศรษฐกิจโลกมีความสัมพันธ์กับตลาดคริปโทฯเช่น เมื่อตลาดหุ้นราคาขึ้นหรือลง ฝั่งคริปโทฯ ก็ผันผวนตาม
สำหรับระยะอย่างไตรมาส 3-4 มองถึงแรงกดดันและเหตุการณ์น่าจับตายังเป็นเรื่องของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่ก่อนหน้าก็มีการปรับไป 3 ครั้ง ที่ระดับ 0.25% 0.5% 0.75% และอาจจะขึ้นต่ออีกในปลายปี หากสถานการณ์ยังย่ำแย่ เพราะการปรับดอกเบี้ย จำเป็นต้องมากกว่าเงินเฟ้อ เช่น เงินเฟ้ออยู่ที่ 5% ดอกเบี้ย 7% รวมไปถึงการทำ QT หรือการปรับสภาพคล่องที่ยังดำเนินการไปได้ไม่มาก และความเสี่ยงจากปัจจัยที่ 3 คือ ให้ระวังวิกฤติฟองสบู่ตลาดอสังหาฯ และวิกฤตสงครามระหว่างประเทศ ทั้ง จีน รัสเซีย ไต้หวัน ที่ยังคงส่งผลในปีนี้หรืออาจจะกินเวลาไปจนถึงในปีหน้าเลย
ส่วนของตลาดขาขึ้นจะกลับมาในปี 2567 คงต้องดูหลายเหตุการณ์ประกอบ ทั้งการต้องเกิดแรงกระแทกแรง ๆจากนโยบายของ FED หรือเศรษฐกิจถ้ายังถดถอย ก็มีโอกาสที่ FED ที่จะกลับลำอัดฉีดเงินเข้าไปใหม่แต่คงยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ ในส่วนเหตุการณ์การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum น่าจะเป็นตัวแปรหนึ่งที่จะเปลี่ยน Tokenomics แต่ไม่ใช่ตัวแปรหลัก มองในบวกก็ช่วยดันราคาตลาดและสร้างแรงกระเพื่อมได้ในแง่การยกฐาน
สำหรับแนะเทคนิคการเอาตัวรอดในสภาวะเงินเฟ้อ พร้อมวิธีจัดการพอร์ต (Money Management) ในช่วงขาลง
"คิม-ชัชวาลย์" มองว่า ในตอนนี้ สถานการณ์ไม่แน่นอน ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย แนะนำให้ถือเงินสดเป็นหลักสำคัญเผื่อไว้ในระยะเวลา 6 - 7 เดือน
ส่วนการจัดพอร์ตระยะสั้น เล็งเห็นถึงข้อดีของการปรับขึ้นดอกเบี้ย คือ อาจะซื้อพันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้ เพราะผลตอบแทนค่อนข้างน่าสนใจ ลำดับถัดมามองที่ หุ้น Growth ที่สามารถสร้างผลกำไรได้ดีจาก Clash Flow เช่น Apple, Google, Amazon
และจึงจะเป็นคริปโทฯ ในลำดับสุดท้าย ยังคงเน้นย้ำ เพราะถ้ากระทบหรือผิดทาง อาจสูญเงินไปในทั้งหมด และหากมีความเชี่ยวชาญมากพออาจจะลองทำการบ้านเพิ่มในเรื่องของ NFT หรือถือเหรียญสกุลรองอื่น ๆ