Sideways ซื้อเก็งกำไร AAV SAWAD TASCO (16 ส.ค. 65)

Sideways ซื้อเก็งกำไร AAV SAWAD TASCO (16 ส.ค. 65)

คาดดัชนีฯ Sideways แนวต้าน 1,630 / 1,640 จุด แนวรับ 1,617 / 1,610 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร AAV SAWAD TASCO ทางเทคนิค ดัชนีฯ ทดสอบแนวต้านสำคัญครั้งแรก โดยการขึ้นปิด GAP ที่ 1,630 จุด ก่อนจะย่อตัวลงมา 

ทำให้ระยะสั้น ดัชนีฯ มีโอกาสแกว่งตัวสร้างฐานก่อนขึ้นทดสอบแนวต้านดังกล่าวอีกครั้ง โมเมนตัมบวก คือ ตัวเลข 2Q22 GDP ของไทยขยายตัว +2.5% YoY ด้วยแรงหนุนของภาคการท่องเที่ยว ทำให้มีโอกาสที่ธปท. จะปรับประมาณการตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติขึ้นจาก 6 ล้านคน เป็น 9–10 ล้านคน ขณะที่ GDPNow คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาขยายตัวสูงใน 3Q22 หลังจากหดตัวใน 2 ไตรมาสแรกของปี ไฮไลท์วันนี้ คือ อัตราการว่างงานของ UK และตัวเลขการขออนุญาตสร้างบ้านและการสร้างบ้านหลังใหม่ของสหรัฐฯ รวมถึงการประกาศผลการดำเนินงาน 2Q22 ของบจ. ไทยซึ่งจะประกาศวันนี้เป็นวันสุดท้าย

 

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC AWC JMART TCAP JMT CENTEL BH BEM AOT CPN MINT KTB BDMS (ขำย EA และ MAJOR) พอร์ต Mid-Small Cap แนะนำ AH DOD KSL RS SABINA SYNEX TWPC SAT TMT PORT LST TK (ขาย AJ ซื้อ SABINA และ LST)

+ Daily Recommendations: AAV (เก็งกำไรโอกาสในการปรับเพิ่มประมาณการตัวเลขนักท่องเที่ยว) SAWAD (ได้ประโยชน์จาก Bond Yield ที่ลดลง) TASCO (การปรับลดของราคาน้ำมันดิบ หนุนมาร์จิ้นยางมะตอยสูงขึ้น)

+ หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ: CENTEL ERW MINT BA AAV CPN

+ หุ้นที่เคยได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นของยิลด์พันธบัตร: MTC SINGER THANI TIDLOR

+ หุ้นกลุ่ม Anti-Oil ได้ประโยชน์ราคาน้ำมันที่ลดลง: TASCO PTTGC SCC

 

ปัจจัยบวก

+ Fund Flow: นักลงทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 +5,774.63 ล้านบาท (สะสม 6 วัน ซื้อสุทธิ 2.02 หมื่นล้านบาท) และเปิด Long SET50 Index Future เป็นวันที่ 2 ด้วยปริมาณสูงถึง +32,339 สัญญา (สะสม 2 วัน +47,190 สัญญา)

 

+ Thailand: 2Q22 GDP ของไทยขยายตัว +2.5% YoY สูงกว่า Bloomberg Consensus คาดที่ +2.4 YoY ด้วยแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว หลังจากมีการเปิดประเทศและการคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วถึง 3.15 ล้านคน ในช่วง 7M22 คิดเป็น 50% ของประมาณการตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดิม

+ USA / Economy: GDPNow โดยเฟด สาขาแอตแลนตา คาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ 3Q22E GDP ขยายตัว +2.5% QoQ เพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับคาดการณ์เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ +1.4% QoQ

 

ปัจจัยลบ

- Geopolitical Risk: จีนกลับมาเริ่มซ้อมรบรอบใหม่รอบเกาะไต้หวัน หลังคณะผู้แทนสภาคองเกรสของสหรัฐฯ เดินทางเยือนกรุงไทเป ทำให้ประเด็นความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ มีโอกาสกลับมาส่งผลเชิงลบต่อ Sentiment การลงทุนระยะสั้นในตลาดหุ้นเอเชียได้

 

ประเด็นสำคัญ

- Germany: ZEW Economic Sentiment Index เดือน ส.ค. คาดอยู่ที่ -53.8 (Vs เดือน ก.ค. -53.8)

- UK: อัตราการว่างงานเดือน มิ.ย. คาดทรงตัวที่ 3.8%

- USA: ใบขออนุญาตสร้างบ้านเดือน ก.ค. คาดอยู่ที่ 1.65 ล้านหลัง (Vs เดือน มิ.ย. 1.69 ล้านหลัง)

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกต่อเนื่อง: ดัชนีฯ ภาคเช้าปรับตัวสูงขึ้นปิด GAP ที่เปิดไว้เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ 1,630 จุด ก่อนอ่อนตัวในภาคบ่ายในกรอบ 1,625.25–1,628.41 จุด และปิดตลาดที่ 1,625.25 จุด +2.99 จุด วอลุ่มซื้อขาย 7.2 หมื่นล้านบาท นำบวกโดยกลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ +1.68% กลุ่มประกันภัยและประกันชีวิต +1.24% กลุ่มธนาคาร +0.89% กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร +0.81% หุ้นบวก >4% TAKUNI HANA PJW KWI CPH AIT AS PRG CPR AFC หุ้นลบ >4% BIS BR BYD CMAN EFORL GRAND IIG IND
 

 

 

+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปิดบวก: DJIA +0.45% S&P500 +0.40% NASDAQ +0.62% นำขึ้นโดยหุ้น 9 ใน 11 กลุ่มอุตสาหกรรมที่คำนวณดัชนี S&P500 นำโดยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (P&G +1.29%, Coca-Cola +1.26%) กลุ่มสาธารณูปโภค (PG&E +2.2%) กลุ่มเทคโนโลยี (Apple +0.6%, Microsoft +0.5% และ Tesla +3.1% จากความหวังว่าเฟด จะประสบสำเร็จในการชะลอเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงให้ปรับตัวลงมาสู่ระดับเป้าหมายระยะยาว โดยไม่ทำให้เศรษฐกิจทรุดตัวลง (Soft Landing) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกใกล้จุดสูงสุดรอบ 2 เดือน CAC40 +0.25% DAX +0.15% FTSE +0.11% จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัย เช่น กลุ่ม healthcare อาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มสาธารณูปโภค หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือน ก.ค. ออกมาแย่กว่าคาด

- ราคาน้ำมันดิบและทองคำปิดลบ: WTI -USD2.68 ปิดที่ USD89.41/บาร์เรล Brent -USD3.05 ปิดที่ USD95.10/บาร์เรล หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ น่าผิดหวัง ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่ออุปสงค์พลังงาน ส่วนราคาทองคำ -USD17.40 ปิดที่ USD1,798.10/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่ามากขึ้น

 

ประเด็นสำคัญ

+ Thailand: สภาพัฒน์ เปิดเผย 2Q22 GDP ขยายตัว +2.5% YoY ต่อเนื่องจากการขยายตัว +2.3% YoY ใน 1Q22 โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการเร่งตัวของภาคบริการที่มีแรงสนับสนุน จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประกอบกับการดำเนินมาตรการ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องของภาครัฐ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยขยายตัวสูง นอกจากนี้ สภาพัฒน์ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2022 ขยายตัวในช่วง 2.7-3.2% (ค่ากลางอยู่ที่ 3.0%) โดยขยายตัวสูงขึ้นจาก 1.5% ในปี 2021 และเป็นการปรับช่วงประมาณการให้แคบลงจาก 2.5-3.5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้นมาในช่วง 6.3-6.8% จากเดิมคาด 4.2-5.2% และดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะขาดดุล 1.6% ของ GDP จากเดิมคาดขาดดุล 1.5% ของ GDP

+ Japan: รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผย 2Q22 GDP ขยายตัว +2.2% YoY ซึ่งเป็นการขยายตัวติดต่อกัน 3 ไตรมาส โดยได้แรงหนุนจากการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

- China: กองทัพจีนเปิดปฏิบัติการซ้อมรบใกล้เกาะไต้หวันรอบใหม่ในวันที่ 15 ส.ค. หลังคณะผู้แทนสภาคองเกรสของสหรัฐฯ เดินทางเยือนกรุงไทเป และพบปะกับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าว ส่งผลให้สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เพิ่งเดินทางเยือนไต้หวันได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์

- China: ทางการจีนกักตัวและเริ่มตรวจเชื้อ (PCR Test) ผู้มีความเสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในร้าน Ikea ย่าน Xuhui District เซี่ยงไฮ้ จำนวน 400 ราย รวมถึงประชาชนใกล้เคียง 8 หมื่นคน เป็นเวลา 2 วัน และรอดูอาการ 5 วัน หลังวันเสาร์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 1 ราย เป็นเด็กอายุ 6 ปี ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจาก Tibet เดินทางไปห้าง Ikea

- USA: สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 6 จุด สู่ระดับ 49 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 จากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมทั้งการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และต้นทุนในการก่อสร้าง ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายในปัจจุบันต่างปรับตัวลง

แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: ERW AOT CPN

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: AAV SAWAD TASCO

Derivatives: แนะถือ Long S50U22 รอทำกำไรตามเป้า