CPN ประมาณการ 2Q65F: กำไรจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด YoY

CPN ประมาณการ 2Q65F: กำไรจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด YoY

ผลการดำเนินงานของ CPN มีแนวโน้มจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นใน 2Q65F โดยเราคาดว่า กำไรจากธุรกิจหลักจะอยู่ที่ 2.44 พันล้านบาท (+287.4% YoY, +12.8% QoQ) สะท้อนถึงการที่ธุรกิจของบริษัทที่ดีขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สาม

หลังจากที่ผลประกอบการตกลงไปถึงจุดต่ำสุดใน 3Q64 (เป็นผลจากมาตรการของรัฐบาลที่ผ่อนคลายเกณฑ์ให้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากขึ้น หลังผ่านช่วงที่สถานการณ์ COVID-19 เลวร้ายที่สุดไปแล้ว) สำหรับใน 2Q65F เราคาดว่าจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการที่ห้างจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประมาณ 85% ของระดับปกติ (ดีขึ้นจาก 70%-80% ใน 1Q65) ในขณะที่อัตราส่วนลดค่าเช่าที่ให้กับผู้เช่าพื้นที่โดยเฉลี่ยยังทรงตัว QoQ อยู่ที่ 16% จากระดับปกติ (แต่ดีขึ้นจากช่วงที่สถานการณ์เลวร้ายในปี 2564 ที่ให้ส่วนลดสูงถึง 30%-40%) นอกจากนี้ เรายังคาดว่าอัตรา occupancy เฉลี่ยของธุรกิจโรงแรมจะเพิ่มขึ้น QoQ เป็น 60% จาก 49% ดังนั้น เราจึงคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 8.52 พันล้านบาท (+42.4% YoY, +9.5% QoQ) ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นใน 2Q65 จะยังแข็งแกร่งโดยเพิ่มขึ้นเป็น 48.6% จาก 40.2% ใน 2Q64 และ 47.9% ใน 1Q65 (Figure 1)

CPN ประมาณการ 2Q65F: กำไรจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด YoY

สาขาใหม่ได้รับการตอบรับในเชิงบวก

CPN ขยายสาขาห้างใหม่ที่จังหวัดจันทบุรีในปีนี้ โดยมีอัตรา occupancy อยู่ที่ 86% ใน 2Q65 ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่า การตอบรับในเชิงบวกจะดำเนินต่อไปในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพราะสาขานี้เปิดในช่วงที่ COVID-19 ระบาดหนัก ส่วนสาขาชลบุรีและอยุธยาที่เปิดในปี 2564 การตอบรับโดยรวมถือว่าดีเช่นกัน สำหรับในปี 2566 บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ “Central Westville” ที่ถนนราชพฤกษ์ และยังมีโครงการใน pipeline สำหรับปี 2567 อีก (ได้แก่ Dusit Central Park, Central Embassy 2, สยามสแควร์ 1) ซึ่งเราคิดว่าโครงการเหล่านี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนและสนับสนุนแนวโน้มธุรกิจของ CPN ในระยะต่อไป (Figure 3)

CPN ประมาณการ 2Q65F: กำไรจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด YoY

มีศักยภาพการเติบโตสูงในระยะยาว

ในขณะนี้ เราคิดว่า CPN ได้ผ่านช่วงที่สถานการณ์ COVID-19 เลวร้ายที่สุดไปแล้ว หลังจากที่เติบโตได้อย่างจำกัดในช่วงปี 2563-64 สำหรับในระยะต่อไป เรามองบวกกับแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของบริษัทที่คาดว่าจะเริ่มตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป โดยจะได้แรงสนับสนุนจาก i) การเปิดประเทศไทยใน 2H65 โดยไม่ต้องให้ส่วนลดค่าเช่าพื้นที่แก่ร้านค้าอีกตั้งแต่ปี 2566F ไป ii) โมเมนตัมด้านบวกจากการซื้อกิจการ SF (ประมาณ 10% ของกำไรสุทธิ) iii) การขยายห้างใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง iv) คุมค่าใช้จ่าย SG&A ได้ดี

 

 

Valuation & Action

เราปรับเพิ่มคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ โดยขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย DCF ปี 2566 ที่ 75.00 บาท (ใช้ WACC ที่ 7.8%, Terminal growth ที่ 4%) จากเดิมที่ 57.50 บาท (อิงจากประมาณการปี 2565 และ Terminal growth ที่ 3%)

 

Risks

COVID-19 ระบาด, มีการปิดศูนย์การค้า, และการให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ร้านค้าที่เช่าพื้นที่