มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. เปิดไม่หยุด จ่อลงทุน 6,000 ล้าน เร่งสปีด 500 สาขาใน 3 ปี

มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง ไม่มีชะลอลงทุนไทย เปิดใหม่อีก 500 สาขาในอีก 3 ปี ยอดไทยโต จนถูกลูกค้าเรียกว่า “ร้านคือหลุมดำ” กับดักแม่บ้านในยุคนี้!
แบรนด์ “มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.” (MR. D.I.Y.) ร้านอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ ที่มีจุดเริ่มต้นจากประเทศมาเลเซีย ได้เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2548 ในปัจจุบันมีสาขาในมาเลเซียกว่า 1,000 สาขา และมีการสยายปีกขยายไปในประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาคอาเซียน สำหรับประเทศไทยได้เข้ามาขยายในช่วงปี 2559 จนถึงปัจจุบันได้ปูพรมเปิดครบ 1,000 แห่งแล้ว มีทำเลทั้งในตำบล ไปจนถึงอำเภอ รวมถึงในห้างค้าปลีกและศูนย์การค้าต่างๆ จนถึงปี 2568 ที่ค้าปลีกรายใหญ่ต่างระมัดระวังขยายสาขาใหม่ แต่ “มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.” มีความเชื่อมั่นกับตลาดในไทย และเตรียมขยายสาขาใหม่ต่อเนื่องอีก 3 ปีข้างหน้า รวม 500 สาขาจนถึงปี 2570 งบลงทุนต่อปี 2,000 ล้านบาท รวม 3 ปี คาดการณ์ว่าจะใช้งบประมาณ 6,000 ล้านบาท
นายแอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แบรนด์ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. (MR. D.I.Y) ได้เข้ามาขยายธุรกิจในประเทศไทยเป็นเวลา 9 ปี และปัจจุบันมีสาขาในไทยรวม 1,000 สาขา ครอบคลุมทุก 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย ถือว่ากลุ่มผู้บริโภคในไทยให้การตอบรับแบรนด์ในระดับที่ดี และสามารถก้าวสู่ผู้นำค้าปลีกสินค้าตกแต่งบ้านและไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย
สาขาที่ 1,000 มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ชั้น 6 เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน
MR. D.I.Y ส่งโมเดลใหม่ 2.0 ไซส์ใหญ่มากขึ้น
แผนธุรกิจในปี 2568 ยังเดินหน้าขยายสาขาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดเพิ่ม 200 สาขาใหม่ในหลายทำเลของประเทศไทย ซึ่งแนวทางการขยายธุรกิจที่มุ่งนำเสนอสินค้าครอบคลุมรวม 15,000 รายการใน 6 หมวดสินค้า ตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ไปจนถึงของใช้ในบ้าน พร้อมเน้นราคาถูกคุ้มเสมอ (Always Low Prices) ภายใต้การมีคุณภาพสินค้าที่ดี
ทั้งนี้การขยายธุรกิจต่อไปในประเทศไทย ยังสนใจขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องในทุกปี พร้อมใช้โมเดลการขยายสาขาในรูปแบบ MR. D.I.Y 2.0 ที่เป็นการขยายสาขาในรูปแบบใหม่ เพื่อรองรับกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า
เร่งแผน 3 ปีเปิดเพิ่มอีก 500 สาขาในไทย
นายอานุภาพ คงมาลัย รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทมองโอกาสระยะยาวในการขยายสาขาใหม่ในประเทศไทย เน้นทำเลหลักทั้งในศูนย์การค้า ห้างค้าปลีก สาขาแบบเดี่ยวทั้งในทำเลอำเภอและตำบลต่างๆ ทั่วประเทศเทศไทย ดังนั้นในช่วง 3 ปี จนถึงปี 2570 จึงมีโอกาสที่จะขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 500 สาขา ภายใต้งบลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท/ปี ต่อเนื่องในทุกปี
แต่ทั้งนี้หากระหว่างปีมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามามีโอกาสที่บริษัทต้องปรับแผนลงทุนใหม่ได้ในอนาคตเช่นกัน!
“บริษัทวางแผนอยากเปิดสาขาในไทยต่อเนื่องในทุกปี ทำให้ในอีก 3 ปีมีโอกาสถึง 500 สาขาใหม่ ส่วนงบลงทุนเตรียมไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาทในทุกปี หรือเฉลี่ยลงทุนปีละ 2,000 ล้านบาท ต่อเนื่องในช่วง 3 ปีนับจากนี้ไป แต่หากระหว่างทางมีปัจจัยใหม่ๆ หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด อาจมีการปรับแผนต่อไปได้ เช่น ช่วงโควิดระบาดหนักในไทยก่อนหน้านี้ บริษัทได้ปรับแผนไปเปิดสาขาใหม่ในรูปแบบสะแตน อะโลนแทน”
เปิดที่มาของการถูกตั้งชื่อ "ร้านหลุมดำ" จากลูกค้าคนไทย
ขณะเดียวกันสาขาในรูปแบบใหม่ที่เตรียมขยาย ได้มีโมเดลใหม่คือ MR. D.I.Y 2.0 ที่ปรับการดีไซน์ร้านใหม่ ทำให้ชั้นวางไม่สูงเท่ากับสาขาที่มีอยู่ และการจัดวางในรูปแบบใหม่ ที่เหมาะกับการเลือกซื้อสินค้าได้อย่างสะดวก เพื่อร่วมเพิ่มประสบการณ์ช้อปที่ดีให้แก่ลูกค้ามากขึ้น รวมถึงมีขนาดใหญ่ขึ้นใช้พื้นที่กว่า 1,000 ตร.ม. และมีสินค้ามากกว่า 1.50 หมื่นรายการ ทำให้ในปัจจุบัน บริษัทมีโมเดลสาขาในไทยรวม 3 แบบได้แก่ รูปแบบสาขาในห้าง ประมาณ 700 -800 ตร.ม. สาขาในแบบเอ็กซ์ เพลส พื้นที่น้อยกว่า 300 ตร.ม. ล่าสุดรูปแบบ MR. D.I.Y 2.0 ที่มี 2 สาขาในปัจจุบัน
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในไทยช่วงที่ผ่านมา สร้างผลการดำเนินงานที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงช่วงไตรมาสแรกขยายตัวที่ดี กลุ่มลูกค้าไม่ได้ชะลอการใช้จ่าย โดยเฉลี่ยกลุ่มลูกค้ามียอดการใช้จ่ายต่อบิลประมาณ 172-175 บาทต่อคนต่อครั้ง โดยเฉลี่ยลูกค้าซื้อสินค้ารวมต่อครั้งประมาณ 4 ชิ้น หรือชิ้นละ 40 บาท เป็นผลมาจากบริษัทมีสินค้าที่หลากหลายให้แก่ลูกค้าได้เลือกซื้อสินค้า
อีกทั้งในช่วง 3 ปีผ่านมา บริษัทได้ทำวิจัยร่วมกับนีลเส็นพบว่า กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทจะเป็นตลาดแมสและลูกค้าระดับล่างเป็นหลัก รวมถึงกลุ่มครอบครัว แต่ในช่วง 2 ปีนี้กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมากขึ้น เป็นกลุ่มกลางและบนเพิ่มขึ้น กลุ่มแม่บ้านที่มีกำลังซื้อ ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป จนทำให้แบรนด์ได้รับการขนามนามว่า "ร้านหลุมดำ" หมายถึง เมื่อลูกค้ามาซื้อสินค้าทุกครั้งจะได้สินค้ากลับไปเต็มตะกร้ามากกว่าที่วางแผนไว้เสมอ
“จากสัญญาณเศรษฐกิจไทยที่หลายฝ่ายประเมินว่าอาจจะชะลอตัวลงนั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากการมีสินค้าที่คุ้มค่าคุ้มราคา รวมถึงยังเห็นว่ากลุ่มลูกค้าหลักคือแม่บ้าน ที่เข้ามาเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น หรือลูกค้าบางส่วนอาจลดการใช้จ่ายสินค้ากลุ่มแบรนด์เนมและหันมาเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นมากขึ้น”
ขณะที่สาขาในประเทศไทยล่าสุดเดือน พ.ค. ได้เปิดครบ 1,000 สาขากับ ร้าน มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ชั้น 6 เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน ส่วนมีพนักงานทั้งหมดในไทยมีประมาณ 1 หมื่นคน
คนไทยเข้ามาใช้บริการหมุนเวียนต่อปี 98.5 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทประเมินว่ายังเติบโตต่อเนื่อง จากปี 2567 ที่มีผลการดำเนินงาน 16,200 ล้านบาท ซึ่งภาพรวมลูกค้าเข้ามาใช้บริการประมาณหมุนเวียนต่อปีประมาณ 98.5 ล้านคนในทุกสาขา ถือว่า สูงกว่าจำนวนประชากรในไทยที่มีกว่า 60 ล้านคน
สำหรับ ภาพรวม มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ที่มีสินค้ารวม 15,000 รายการ มีสินค้าทั้งที่เป็นแบรนด์เฮ้าส์แบรนด์ของบริษัท และสินค้าที่ผลิตจากจีน รวมถึงการผลิตจากเครือข่ายของผู้ประกอบการไทยรวม 350 บริษัท ส่วนภาพรวมทั่วโลกมีการเปิดใน 13 ประเทศแล้ว ทำให้บริษัทมีศักยภาพการผลิตสูง (Economy of scale) ทำให้สามารถควบคุมการผลิตสินค้าให้อยู่ในระดับที่ต้นทุนต่ำได้ อีกทั้งนโยบายของบริษัทมุ่งบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ทั้งหมด ระบบคลังสินค้า และใช้ระบบขนส่งของบริษัท จึงเป็นอีกวิธีในการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ







