‘วันแบงค็อก’ รีเทล ทยอยเปิดแบรนด์ดัง โหมอีเวนต์ ดึงทราฟฟิก 4.5 ล้านคน

เจาะแผน "วัน แบงค็อก" รีเทล เร่งพลิกโฉมมหานคร ชูรีเทล-อีเวนต์ ทยอยเปิดร้านค้า ดึงแบรนด์ดังเสริมทัพ พร้อมทำป้ายใหม่ให้ชัดเจน มั่นใจกระตุ้นทราฟฟิก 4.5 ล้านคน ร่วมหนุนเศรษฐกิจไทย
อภิมหาโครงการมิกซ์ยูส “วัน แบงค็อก” (One Bangkok) บนที่ดิน 108 ไร่ มูลค่าลงทุน 1.2 แสนล้านบาท ภายใต้การนำทัพของ “ปณต สิริวัฒนภักดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ของกลุ่มทีซีซี เปิดบริการตั้งแต่เดือน ต.ค.2567 ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจไทยและนักท่องเที่ยวไม่สดใส โดย “วัน แบงค็อก” ทยอยเปิดโครงการตามแผนทั้งค้าปลีก สำนักงาน โรงแรม และที่พักอาศัย
พลินี คงชาญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายรีเทล โครงการ วัน แบงค็อก กล่าวว่า ภาพรวม วัน แบงค็อก ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติเข้ามาใช้บริการสูง 4.5 ล้านคนต่อเดือน ในไฮซีซัน ธ.ค.ปี 2567 ที่ผ่านมา แต่ต่อมาในเดือน ก.พ. และ มี.ค. 2568 ปรับลดลงมาอยู่ที่ 3 ล้านคนต่อเดือน เป็นไปตามฤดูกาลค้าปลีกและเหตุการณ์แผ่นดินไหวเข้ามากระทบช่วงสั้น ส่วนในเดือน เม.ย. ยอดลูกค้าเพิ่มขึ้นระดับ 4 ล้านคนต่อเดือน
วัน แบงค็อก ทราฟฟิก 1.2-1.5 แสนคนต่อวัน ร้านค้า แบรนด์เปิดตามแผน
ทั้งนี้เมื่อประเมินภาพรวมลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเฉลี่ยประมาณ 1.20 แสนคนต่อวัน ในช่วงวันธรรมดา ส่วนวันหยุด ปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 1.50 แสนคนต่อวัน และมียอดคนเข้ามาทำงานในอาคารสำนักงานประมาณ 1 หมื่นคนต่อวัน จากพื้นที่สำนักงานเกรดเอ ได้เปิดให้บริการจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ ทาวเวอร์ ทรี, ทาวเวอร์ โฟร์ ทางด้านพื้นที่ค้าปลีกมี 3 แห่งรวม 1.60 แสนตร.ม. ได้เปิดให้บริการแล้วจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ Parade และ กับ The Storeys ถือว่ามีการเปิดให้บริการแล้วประมาณ 75%
สำหรับรีเทล Parade อาคารริมถนนพระราม 4 บนพื้นที่รวม 8.5 หมื่นตร.ม. มีจำนวน 9 ชั้น รวมร้านค้าแบรนด์ดัง ร้านอาหาร คาเฟ่ชั้นนำ และซูเปอร์มาร์เก็ต มิตซูโคชิ เดปาจิกะ (Mitsukoshi Depachika) ในปัจจุบันพื้นที่รีเทลมีการเปิดแล้ว 90% คาดว่าในช่วงปลายปีนี้พร้อมเปิดพื้นที่ได้ใกล้เคียง 100% ส่วนรีเทลอีกแห่งกับ The Storeys อาคารริมถนนวิทยุ พื้นที่รวม 3.5 หมื่นตร.ม. จำนวน 5 ชั้น มีร้านค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ คอนเซปต์สโตร์ ร้านอาหาร บาร์แอนด์บิสโทร รวมถึงแหล่งแฮงเอาท์ช่วงค่ำคืน ในปัจจุบันมีการเปิดพื้นที่แล้ว 75% คาดว่าในช่วงไตรมาสสามจะถึงระดับใกล้เคียง 90%
ทั้งนี้แรงหนุนจากการเปิดพื้นที่ใหม่ๆ มากขึ้น มาจากการมีร้านค้าและแบรนด์ใหม่เข้ามา อาทิ โคว่า (Cova) แบรนด์กาแฟและร้านอาหารดังจากประเทศอิตาลี เตรียมเปิดในไทยครั้งแรก มีขนาดประมาณ 550 ตร.ม. ใหญ่สุดในโลก และแบรนด์คานิวัล เข้ามาลงทุนเปิดแฟลกชิปสโตร์ในเดือน ส.ค.นี้ รวมถึงล่าสุด “TECHHOUSE by Dotlife” แหล่งรวมสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์และอุปกรณ์ไอทีชั้นนำระดับโลก
“เรายืนยันว่า วัน แบงค็อก ยังเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ ร้านค้าและแบรนด์ต่างๆ ทยอยเปิด อาจมีดีเลย์ไปบ้าง แต่ไม่มีร้านค้าปิดตามข่าวลือในโซเชียลแต่อย่างใด เพราะทุกแบรนด์ลงทุนไปแล้ว และเป็นการลงทุนในระยะยาว”
ทางด้านแผนการตลาดได้มุ่งทำอีเวนต์ การทำโปรโมชั่นและแคมเปญ เพื่อร่วมดึงดูดลูกค้า โดยเฉลี่ยมีอีเวนต์ในทุกสัปดาห์ รวมถึงร้านค้าต่างๆ มีการจัดงานอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งอีเวนต์ใหญ่ที่เตรียมจัดคือ เทศกาลไพร์ด ในเดือน มิ.ย.นี้ ต่อมาอีเวนต์ใหญ่ฉลองครบรอบ 1 ปีที่เปิดให้บริการ งานเฉลิมฉลองเข้าสู่ช่วงเฟสทีฟ และงานใหญ่ในสิ้นปีกับเคานต์ดาวน์
เร่งปรับแผนที่ - ทำป้าย เสร็จช่วง Q3/68 แก้ปัญหาลูกค้าสับสนเส้นทาง
นอกจากการจัดอีเวนต์แล้ว ทางศูนย์การค้าได้ติดตามและรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมายกระดับบริการที่ดีสุด ทำให้ศูนย์การค้ากำลังเร่งปรับแผนที่ต่างๆ ให้มีความชัดเจน ทั้งการจัดทำป้ายแสดงข้อมูลร้านค้าต่างๆ เส้นทางในแต่ละโซน รวมถึงทางเข้าและทางออก เพื่อทำให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการไม่เกิดปัญหาสับสนในเส้นทาง โดยคาดว่าจะปรับใหม่ได้แล้วเสร็จในช่วงไตรมาสสามของปี 2568
ขณะที่สถานการณ์ภายนอกที่ควบคุมไม่ได้กับตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา มีผลต่อศูนย์การค้าเช่นกัน ที่มีนักท่องเที่ยวจีนหดตัวลง แต่ทางศูนย์การค้าได้มีการปรับแผนใหม่ มุ่งขยายไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวจากยุโรป นักท่องเที่ยวจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย มากขึ้น ถือเป็นกลุ่มที่สนใจเข้ามาท่องเที่ยวในไทยในระดับสูง และยังเป็นตลาดที่มีความเข้มแข็ง โดยประเมินว่า จะทำให้ ภาพรวมศูนย์การค้าในช่วงสิ้นปีนี้ สร้างยอดทราฟฟิกกลับมาถึงระดับ 4.5 ล้านคนต่อเดือน
พลินี กล่าวถึงโครงการวัน วัน แบงค็อก ในโซนพื้นที่อื่นๆ ทั้งทางด้าน พื้นที่รีเทลอีกแห่งคือ “POST 1928” มีแผนเปิดให้บริการเฟสถัดไป ช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2569 ได้กำหนดรูปแบบให้ ถนนชอปปิง (Shopping Street) สายแรกของกรุงเทพฯ รวมร้านค้าลักชัวรี จากแบรนด์ดังต่างๆ เชื่อมั่นว่า จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น
สำหรับ สำนักงาน โรงแรม และพื้นที่อยู่อาศัย โดยสำนักงานเกรดเอจำนวน 4 อาคารแรกคาดว่าจะเปิดครบได้ในปี 2569 ส่วนอาคาร วัน แบงค็อก ที่มีความสูงมากสุดในไทย เป็นอาคารที่ 5 คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างและเปิดให้บริการได้ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า ส่วนโรงแรมที่เปิดให้บริการแล้ว ในช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา กับ โรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ โรงแรมหรูระดับ 6 ต่อมาในปี 2568 กับ โรงแรมแอนดาซ วัน แบงค็อก ทางด้านโครงการที่พักอาศัยกับคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี โครงการแรกจำนวน 90 ยูนิต ได้ปิดการขายเรียบร้อยแล้ว 100% และอยู่ระหว่างการเปิดโครงการขายเฟสถัดไป
ทางด้าน “ปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW เสริมว่า การปักหมุดเปิด “TECHHOUSE by Dotlife” แห่งแรก ในโครงการ วัน แบงค็อก โซน The Storeys มีพื้นที่ขนาดใหญ่ 1,000 ตร.ม. ถือเป็นสโตร์ที่ใหญ่สุดที่ได้เคยทำมา และใช้งบลงทุนสูงถึง 40 ล้านบาท โดยดึงแบรนด์ชั้นนำกว่า 100 แบรนด์เข้ามาขยายตลาด รวมถึงสินค้ารุ่นใหม่ เข้ามาเปิดตัวในไทยที่ชอปแห่งนี้เป็นแห่งแรก เช่น แว่นตาที่มีจอแสดงผลสำหรับนักว่ายน้ำ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการว่ายน้ำได้ดีมากขึ้น และ แหวน ทำหน้าที่เหมือน สมาร์ทวอทช์ เป็นต้น
รวมถึงในอนาคต สนใจนำเทคโนโลยีเกี่ยวกับ รถยนต์ไร้คนขับ เข้ามาเปิดตัวในไทยเช่นกัน