วิสัยทัศน์ ‘ไพศาล’ ชู ONE FOODS GROUP เคลื่อนอาหารไทยเบฟผงาดผู้นำ
3 เดือนของการจัดหลังบ้านเป็นรูปเป็นร่าง "ไพศาล อ่าวสถาพร" จึงได้ฤกษ์ฉายภารกิจนำทัพธุรกิจอาหาร น้องเล็กของกลุ่มไทยเบฟ อาณาจักรแสนล้าน สู่การผงาดผู้นำ
ปลายปี 2567 “ไทยเบฟ” อาณาจักรแสนล้านได้เขย่าโครงสร้าง สับเปลี่ยนเก้าอี้ “ขุนพล” ทั้งเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหาร เพื่อเคลื่อนการเติบโตสร้างความยิ่งใหญ่ มีผลเมื่อ 2 ม.ค.2568
กลุ่มธุรกิจอาหารลูกหม้อ ไพศาล อ่าวสถาพร ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร (ประเทศไทย) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) บริหารเกือบ 30 แบรนด์ ร้านอาหาร 847 สาขา ผ่าน 3 กลุ่มบริษัท ได้แก่ บริษัท โออิชิ โฮลดิ้ง จำกัด (OISHI) มีแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นชาบูชิ โออิชิ อีทโตะ ซาคาเอะ ฯ บริษัท เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด(QSA) มีแบรนด์ “เคเอฟซี” และ บริษัท ฟู้ด ออฟ เอเชีย จำกัด(FOA) มีแบรนด์ไฮด์ แอนด์ ซีค ฟู้ด สตรีท โฮมเบค บาย เอ็ม เอกซ์ สโมสร เลิศเหลา ฯ
3 เดือนของการนั่งแม่ทัพกลุ่มอาหาร “ไพศาล” ได้ประกาศวิสัยทัศน์ “ONE FOODS GROUP” ผลักดันการเติบโต ซึ่งเป็นการ “รวมกันเป็นหนึ่ง” ทั้งอาหาร(One Food) ทีมงาน(One Team) และเป้าหมายเดียวกัน(One Goal)
“ภารกิจสำคัญคือจัดการหลังบ้าน ทั้งปรับโครงสร้าง บริหารจัดการทั้งด้านต้นทุน เพื่อให้มีประสิทธิภาพ การทำ One Food ทำให้ระบบดีขึ้น”
ตัวอย่างการรวมเป็นหนึ่ง เช่น ร้านอาหารต่างๆ เคยใช้วัตถุดิบหลากหลายรายการ น้ำปลา น้ำตาล บรรจุภัณฑ์ ต่างแยกซื้อ มาซื้อร่วมกันเมื่อปริมาณมาก ทำให้ต้นทุนต่ำลง หรือระบบบัญชี การใช้ POS เทคโนโลยีต่างๆ การอบรมร่วมกัน ฯ ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น นำไปสู่ “สปีด” ทางธุรกิจ อย่างฟู้ดคอร์ท “ฟู้ด สตรีท” เมื่อใช้ระบบสั่งอาหารผ่านคีออสรองรับลูกค้า 600 ที่นั่ง ช่วงเร่งด่วนจะเกิดการหมุนเวียนลูกค้าไม่เกิน 2.5 เท่า แต่ One Food ทำให้หมุนเวียนลูกค้ากว่า 1 หมื่นคนต่อวัน มากกว่าเดิม 10 เท่า ซึ่งเกินกว่าคาดหมายอย่างมาก เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นสิบเป็นร้อยเท่า
“ไพศาล” ยังวางหมากรบสร้างความยิ่งใหญ่ให้ “ธุรกิจร้านอาหารไทยเบฟ” ผงาด “ผู้นำ” ปี 2568 จึงเดินหน้าลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เปิดร้านอาหารให้แตะ 888 สาขา เช่น เคเอฟซี 40 สาขา โดยครึ่งปีแรก(ปีงบ ต.ค.2567-ก.ย.2568) มีร้านอาหารให้บริการลูกค้า 847 สาขา ซึ่งเคเอฟซีแบรนด์หัวหอกมีราว 500 สาขา
ไฮไลต์ธุรกิจร้านอาหารปี 2568 บริษัทได้รวบ 15 แบรนด์มาเปิดให้บริการลูกค้าที่อภิมหาโปรเจค “วัน แบงค็อก” ด้วยงบลงทุนกว่า 400 ล้านาท เฉพาะโรงเบียร์ “ช้าง แคนวาส” แบรนด์ใหม่ภายใต้ FOA ลงทุนกว่า 300 ล้านบาท เนื้อที่ราว 2,000 ตารางเมตร รวมถึงมีแบรนด์ใหม่เพิ่มร้านอาหารไทย “สโมสร” ร้านเกาเหลา ก๋วยเตี๋ยว “เลิศเหลา” เสริมพอร์ตโฟลิโอด้วย
“ธุรกิจร้านอาหารถือเป็นน้องเล็กสุดในพอร์ตของไทยเบฟ โจทย์เคลื่อนกลุ่มร้านอาหารต้องเติมเต็มต่อยอดธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ มีการเปิดร้านเพื่อโชว์เคสเครื่องดื่ม รวมถึงสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า และสปริงบอร์ดตัวเองให้เติบโตผ่านแบรนด์ต่างๆ ไปสู่วงกว้างหรือ Mass รวมถึงไปตลาดต่างประเทศ การพัฒนาแพ็คเกจฟู้ด ล้วนเป็นการขยายโอกาสเติบโต”
ไทยเบฟมี Passion 2030 ตามแผนกลุ่มอาหารต้องเปิดร้านให้แตะ 1,200 สาขา เพื่อสานเป้าดังกล่าว “ไพศาล” ย้ำ “REACH Competitively”นำแบรนด์ให้เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายวงกว้าง และ “DIGITAL for Growth” เป็นอาวุธสำคัญบุกตลาด
“กลยุทธ์ REACH Competitively คือการทำให้แบรนด์ในเครือเข้าถึงผู้บริโภค ให้รับประทานได้บ่อย ซื้อสินค้าได้บ่อย อยู่กับร้านเราให้มากสุด และใช้จ่ายกับแบรนด์เรามากสุด ด้านตัวเลข เป้าหมายธุรกิจอาหารคือสร้างการเติบโตอัตราสองหลัก”
นอกจากร้านอาหาร “แพ็คเกจฟู้ด” จะเป็นอีก “สินค้าแห่งโอกาส” เนื่องจากบริษัทมีโรงงานผลิตสินค้ารองรับการเติบโตของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันเกี๊ยวซ่า สินค้าต่างๆส่งออกเกือบ 10 ประเทศ ทั้งยุโรป รัสเซีย ฯ
ปี 2567 ไทยเบฟ รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ธุรกิจอาหารมีรายได้กว่า 2.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 5.5% และกำไรสุทธิ 301 ล้านบาท
จากการจัดทัพและประกาศวิชั่นครั้งนี้ “ไพศาล” ยังมองเป้าหมายพาธุรกิจอาหารไทยเบฟก้าวสู่ “ผู้นำตลาด” ด้วย ซึ่งปัจจุบันเป็น 1 ใน 3 ผู้เล่นรายใหญ่ของตลาด ที่สำคัญเคลื่อน “โออิชิ” สู่ “ราชันย์แห่งอาหารญี่ปุ่น” หรือ King of Japanese Food ด้วย หลังจาก 5 ปีที่ผ่านมามีช่วงเผลอหลับไปบ้าง