ไทยเบฟ ปรับเก้าอี้บริหาร ดัน ‘โสภณ ราชรักษา’ คุมทรัพยากรบุคคล ควบโลจิสติกส์
ไทยเบฟ ประกาศแต่งตั้ง “โสภณ ราชรักษา” ขึ้นเป็นแม่ทัพด้านทรัพยากรมนุษย์ แทน “ดร.เอกพล ณ สงขลา” รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและสมรรถนะองค์กร ที่จะไปดูแลงานด้านอื่นของกลุ่มต่อไป
ปี 2566 จนถึงปี 2567 บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) มีการปรับโครงสร้าง เปลี่ยนเก้าอี้แม่ทัพเคลื่อนธุรกิจแสนล้านบาท ด้วยการจัดสรรสู่การดูแลธุรกิจ “ในประเทศไทย” และ “ธุรกิจต่างประเทศ” จากเดิมจะเห็นการแบ่งเป็นกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์(เหล้า เบียร์แยกกัน) เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหาร เป็นต้น
ล่าสุด บริษัทมีได้ประกาศปรับเก้าอี้สำคัญ ด้วยการแต่งตั้ง “โสภณ ราชรักษา” ขึ้นเป็นแม่ทัพด้านทรัพยากรบุคคล แทน “ดร.เอกพล ณ สงขลา” รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและสมรรถนะองค์กร ของไทยเบฟ
สำหรับเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งในครั้งนี้ ระบุว่า “ดร.เอกพล” จะไปปฏิบัติหน้าที่อื่นในกลุ่มของไทยเบฟ ขณะที่การแต่งตั้งให้ “โสภณ” ดูแลทรัพยากรมนุษย์เพิ่ม เพราะพิจารณาประสบการณ์ทำงาน และมีความเหมาะสมแล้ว
“โสภณ” ปรากฎตัวอย่างเป็นทางการในไทยเบฟ เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา เพื่อเข้ามารับบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้าน “โลจิสติกส์” หลังจากร่วมงานกับบริษัทภายใต้อาณาจักรของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” มานานนับสิบปี
ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟ จำกัด(มหาชน) เคยให้ความเห็นว่า การชวนพี่โสณ มาเรียนรู้ ทำงานกับไทยเบฟ เพราะหน้าที่เดิมคือการดูแลคลังสินค้าของกลุ่มเฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้ฯ รวมถึงได้ช่วยงานในกลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่นหรือทีซีซี กรุ๊ป จึงมีความเข้าใจภาพรวมการลงทุน ความเกี่ยวเนื่องกับด้านเทคโนโลยี การเกษตร
เมื่อเข้ามาช่วยกุมบังเหียนโลจิสติกส์ของไทยเบฟ และด้านความยั่งยืน ล้วนมีภารกิจที่น่าตื่นเต้นรออยู่ เพราะโลจิสติกส์ ถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับธุรกิจคอนซูเมอร์ ซึ่งบริษัทมีการลงทุน ขยายการค้าในไทยและเชื่อมโยงต่างประเทศ ส่วนด้านความยั่งยืน ไทยเบฟมีการมองเรื่องการใช้รถยนต์ไฟฟ้า(อีวี)มาใช้ การใช้พลังงานต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการดูแลด้าน “ทรัพยากรบุคคล” ของไทยเบฟนั้น ถือเป็นอีกภารกิจสำคัญ เพราะองค์กรระดับ “แสนล้านบาท” มีฐานทัพธุรกิจในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะ “อาเซียน” จึงมีคนทำงานกว่า 6 หมื่นชีวิต เฉพาะในไทยมีกว่า 4 หมื่นชีวิต
อย่างไรก็ตาม นอกจากการคุมทัพ “ทรัพยากรบุคคล” แล้ว “โสภณ” ยังคงควบตำแหน่งเดิมคือดูแลโลจิสติกส์ รวมถึงรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสด้วย
ความเคลื่อนไหวของไทยเบฟ มีการประเดิมปรับตำแหน่งสำคัญในบริษัทตั้งแต่ต้นปี 2567 ด้วยการคือโปรโมท “โฆษิต สุขสิงห์” ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่(President) และผู้บริหารสูงสุดปฏิบัติการประเทศไทยหรือ Group COO-Thailand ดูแลธุรกิจในประเทศไทยเต็มตัว และ “ประภากร ทองเทพไพโรจน์” ให้นั่งตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารสูงสุดปฏิบัติการต่างประเทศหรือ Group COO-International ลุยบริหารงานต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงดูแล “การลงทุน” การดำเนินธุรกิจในฐานทัพตลาดหลักของไทยเบฟทั้งประเทศเวียดนาม เมียนมาร์ สิงคโปร์ และมาเลเซีย
