‘ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว’ ฝันอยากได้หมื่นล้าน ใต้โจทย์ความท้าทายเรื่อง ‘รสชาติ’

‘ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว’ ฝันอยากได้หมื่นล้าน ใต้โจทย์ความท้าทายเรื่อง ‘รสชาติ’

“ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” รอใช้นามสกุล “มหาชน” หลังกำไรโตพุ่ง 121% พร้อมแตกไลน์ธุรกิจครอบคลุมทุกเซกเมนต์ วาดฝันเป็นสตรีทฟู้ดอันดับ 1 ของประเทศ คาด IPO ภายในปี 2570 ด้านผู้ก่อตั้งระบุ อยากเข้าตลาดฯ เพราะกลัวลูกทะเลาะกัน เชื่อ หากระดมทุนสำเร็จ แก้ปัญหารสชาติไม่เสถียรได้

KEY

POINTS

  • “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” ประกาศกลยุทธ์สู่การใช้นามสกุล “มหาชน” ภายในปี 2570 ด้วยการแตกไลน์ร้านรถเข็น เข้าซื้อแบรนด์อื่นๆ มาเติมพอร์ต และขยายร้านเครือชายสี่ฯ โกอินเตอร์ไปต่างประเทศ
  • “พันธ์รบ กำลา” ผู้ก่อตั้งอาณาจักร “ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น” เติบโตจากพ่อค้าขายบะหมี่ร้านรถเข็นเล็กๆ วางเป้าอยากใช้นามสกุล “มหาชน” มีรายได้หมื่นล้านบาท การขายเส้นอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ แต่ต้องเป็น “เจ้าแห่งสตรีทฟู้ด” จึงเป็นที่มาของการเร่งขยายพอร์ต
  • “พันธ์รบ” ยอมรับว่า เรื่องมาตรฐานรสชาติที่คงเส้นคงวาของร้านแฟรนไชส์ต้องเร่งแก้ไขกันต่อไป ซึ่งเป็นอีกเหตุผลในการมุ่งเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เชื่อว่า ถ้ามีทุน จะแก้ปัญหานี้ได้

“ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” รอใช้นามสกุล “มหาชน” หลังกำไรโตพุ่ง 121% พร้อมแตกไลน์ธุรกิจครอบคลุมทุกเซกเมนต์ วาดฝันเป็นสตรีทฟู้ดอันดับ 1 ของประเทศ คาด IPO ภายในปี 2570 ด้านผู้ก่อตั้งระบุ อยากเข้าตลาดฯ เพราะกลัวลูกทะเลาะกัน เชื่อ หากระดมทุนสำเร็จ แก้ปัญหารสชาติไม่เสถียรได้

มูลค่าตลาดสตรีทฟู้ดบ้านเราเพิ่มขึ้นแทบทุกปี โดยในปี 2566 มีการประเมินว่า อาจขึ้นไปแตะถึง 300,000 ล้านบาท จึงไม่แปลกที่ธุรกิจร้านอาหารโดยเฉพาะสตรีทฟู้ดจะคึกคัก ทั้งฝั่งผู้เล่นในสนาม หรือผู้ขายรวมถึงผู้บริโภคเองก็ให้การตอบรับที่ดีเช่นกัน นี่จึงเป็นที่มาในการปักธงเคลื่อนทัพของ “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” ร้านบะหมี่รถเข็นสีเหลืองสะดุดตาที่มาพร้อมโลโก้ผู้ชายสี่คน จากการเติบโตผ่านสินค้าประเภทเส้น สร้างรายได้-แตกหน่อแฟรนไชส์ออกไปแล้วมากกว่า 4,500 รถเข็นทั่วประเทศ

มาวันนี้ “พันธ์รบ กำลา” ผู้ก่อตั้งชายสี่บะหมี่เกี๊ยว และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เริ่มทรานสฟอร์มธุรกิจไปยังโปรดักต์อื่นๆ ในตลาดอาหารอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น “ชายใหญ่ข้าวมันไก่” “พันปีบะหมี่เป็ดย่าง” “อาลีหมี่ฮาลาล” และ “ไก่หมุนคุณพัน” ทั้งยังตั้งใจที่จะกว้านซื้อแบรนด์ดังอื่นๆ มาเติมพอร์ตอีกหลายสิบแบรนด์ด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้ก่อตั้งจะประกาศกร้าวว่า เป้าหมายหลังจากนี้ คือการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน แต่เหตุผลแรกสุดในการยื่นไฟลิ่งกลับมีจุดเริ่มต้นเล็กๆ จากความคิดที่ “พันธ์รบ” กลัวว่า ลูกๆ จะฆ่ากันตาย เพราะเรื่องธุรกิจชายสี่ฯ ที่ตนเป็นคนก่อร่างมากับมือตั้งแต่ปี 2535

‘ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว’ ฝันอยากได้หมื่นล้าน ใต้โจทย์ความท้าทายเรื่อง ‘รสชาติ’

ขายชามละ 10 บาท มีเงินเก็บ 7 แสน ดังจนมีคนโทรมาขอซื้อแฟรนไชส์

“ผมเริ่มขายบะหมี่ครั้งแรกตั้งแต่ทองบาทละ 4,000” พันธ์รบ กำลา เล่าถึงช่วงตั้งไข่ธุรกิจในฐานะพ่อค้าร้านบะหมี่ริมทางเมื่อ 31 ปีก่อนหน้า เขาไม่ได้มีความรู้เรื่องกำไร-ขาดทุน และการขยายสาขาผ่านโมเดลแฟรนไชส์ตั้งแต่เริ่ม “พันธ์รบ” เหมือนกับคนหาเช้ากินค่ำทั่วๆ ไป ที่ขายอาหารด้วยรถเข็นบะหมี่หนึ่งคันบริเวณแยกลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี

หากเปรียบเทียบเป็นนักฟุตบอล ก็นับว่า อาชีพพ่อค้าขายบะหมี่ “เข้าข้อ” พันธ์รบอย่างมาก เพราะขายได้เพียง 2 ปี ก็มีเงินเก็บราว 700,000 บาท นยุคนั้นราคาก๋วยเตี๋ยวต่อชามอยู่ที่ 10-15 บาท ขายดีจนมีรายได้สูงสุดถึง 6,000 บาทต่อวัน เมื่อมีเงินเก็บมากพอ พันธ์รบก็คิดอยากทำเส้นบะหมี่ด้วยตัวเอง เนื่องจากเส้นที่รับมาเริ่มไม่ได้มาตรฐาน บางวันเส้นเหนียว บางวันเส้นขาด จึงติดต่อซัพพลายเออร์ที่มาส่งวัตถุดิบทุกวัน เพื่อซื้ออุปกรณ์ในการทำบะหมี่ด้วยตัวเอง

ความเหนียวนุ่มของบะหมี่ชายสี่ทำให้สามารถขยายสาขาออกไปได้มากขึ้น กระทั่งมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ คือการได้รับเชิญไปออกรายการโทรทัศน์ ส่งให้ “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” เป็นที่รู้จักทั่วประเทศภายในชั่วข้ามคืน

“เราเริ่มติดต่อสอบถามคนมาส่งเส้นว่า ซื้อเครื่องจักรที่ไหน อย่างไร จากนั้นจึงไปซื้อเครื่องทำเส้นมาในราคา 230,000 บาท พอผลิตเส้นได้เองก็แนะนำ-บอกต่อให้คนแถวบ้านมาเปิดร้านขายด้วย จากของเราสาขาเดียวก็เพิ่มเรื่อยๆ จนครบ 210 สาขา ได้ไปออกรายการ “เกมแก้จน” ของคุณปัญญา นิรันดร์กุล ตอนปี 2540 ปรากฏว่า เป็นที่รู้จักทั่วประเทศ มีคนโทรติดต่อเข้ามาว่า อยากนำชายสี่ฯ ไปขาย ซึ่งสมัยนั้นยังไม่ค่อยมีคนรู้จักคำว่า แฟรนไชส์ แม้กระทั่งตัวผมเองก็ไม่เข้าใจว่า แฟรนไชส์คืออะไร”

พันธ์รบมองว่า นอกจากการขยายธุรกิจผ่านแฟรนไชส์แล้ว มุมมองและทัศนคติของคนขาย คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” เติบโต ตนถือคติ “คนกินคือเจ้านาย คนขายคือลูกจ้าง” เป็นสโลแกนประจำตัวในฐานะพ่อค้าขายบะหมี่มาโดยตลอด ต้องใส่ใจดูแลลูกค้า และมีความละเอียดในการปรุงบะหมี่แต่ละชาม สิ่งเหล่านี้จะทำให้สินค้าขายดี

‘ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว’ ฝันอยากได้หมื่นล้าน ใต้โจทย์ความท้าทายเรื่อง ‘รสชาติ’ -พันธ์รบ กำลา ผู้ก่อตั้งชายสี่บะหมี่เกี๊ยว และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด-

แค่บะหมี่ยังไม่พอ เป้าต่อไป คือ “สตรีทฟู้ดเบอร์ 1”

“ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” ปักธงเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 โดยมีการทำงานและสารพัดกลยุทธ์ที่ทำหน้าที่เสริมสรรพกำลังหลายส่วน อย่างการแตกไลน์ร้านรถเข็นอาหารประเภทอื่นๆ เพื่อให้ครอบคลุมสตรีทฟู้ดยอดนิยมของคนไทย อาทิ ร้านข้าวมันไก่ ร้านไก่ย่าง ร้านโจ๊ก-ต้มเลือดหมู ร้านบะหมี่ฮาลาล ฯลฯ ก็เป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่จะพาบริษัทเข้าใกล้เป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น

อีกส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาและจะได้เห็นกันภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 คือ แบรนด์ “ชายสี่พลัส” โมเดลร้านคีออส (Kiosk) ที่จะเข้าตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และกลุ่มคนทำงานออฟฟิศที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น มีความหลากหลายในส่วนของเมนูอาหารและวัตถุดิบมากขึ้น อาทิ เนื้อสัตว์ที่ให้ชิ้นใหญ่และหนาขึ้นกว่าเดิม แผนการตลาดของ “ชายสี่พลัส” จะมีทั้งหมด 5 จุด กระจายอยู่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ เน้นไปที่อาคารสำนักงานใจกลางเมือง และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ

‘ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว’ ฝันอยากได้หมื่นล้าน ใต้โจทย์ความท้าทายเรื่อง ‘รสชาติ’ -สินค้าแบรนด์ “ชายสี่พลัส” เตรียมเปิดร้านแรกภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2566-

นอกจากการปั้นแบรนด์ของตัวเอง “กลุ่มชายสี่ฯ” ยังเร่งเครื่องด้วยการซื้อกิจการเข้ามาเติมพอร์ต ถือหุ้นใหญ่ 51% ขึ้นไป ขณะนี้มีด้วยกันสองเจ้า คือ “ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา เสือร้องไห้” และ “BRIX dessert bar” เบเกอรีน้องใหม่มาแรงที่ปัจจุบันมีแล้ว 3 สาขา ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ เข้ามาช่วยเติมพอร์ตปีกเบเกอรีให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

“อนุชิต สรรพอาษา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ภายในปีนี้จะได้เห็น “แบรนด์เพื่อนบ้าน” เข้ามาเติมพอร์ตเพิ่มอีก 5 ถึง 10 แบรนด์ ซึ่งในอนาคตก็จะไม่หยุดอยู่เท่านี้แน่นอน ชายสี่ฯ ยังมีความต้องการอีกมาก ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง ขนมหวาน ฯลฯ โดยมีเงื่อนไขว่า บริษัทจะถือหุ้นใหญ่ และไม่ซื้อขาดกิจการจากเจ้าของ เพราะต้องการให้โตไปพร้อมกัน ด้วยเป้าหมายการใช้นามสกุล “มหาชน”

“เราต้องการทรานสฟอร์มตัวเองเพื่อวิ่งให้ได้ เพื่อที่จะได้ใช้นามสกุลมหาชนในเร็วๆ นี้ จากที่เคยบอกว่าเราเป็น “เจ้าแห่งเส้น” จะเปลี่ยนเป็น “เจ้าแห่งสตรีทฟู้ด” เรามั่นใจว่า ไปถึงตรงนั้นได้แน่ๆ แต่จะทำอย่างไรให้คนเชื่อว่า เราเป็น “สตรีทฟู้ดมหาชน” ได้จริงๆ ตรงนี้ก็จะกลับมาหาเรื่องการขยายธุรกิจ การทำโปรดักต์ การทำเซอร์วิสในอนาคต ที่ไม่ได้มองตัวเองเป็นแค่ผู้ผลิต แต่ยังมองไปถึงเรื่อง End-to-End ในการทำสตรีทฟู้ดด้วย”

ฝันอยากได้ “หมื่นล้าน” อีก 3 ปี ต้องมีรายได้จากต่างประเทศ 20%

ตัวเลขผลประกอบ “บริษัท ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด” เติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ปี 2566 ยังคงรักษาระดับรายได้ที่ “หลักพันล้าน” ไว้ได้ รายได้รวมอยู่ที่ “1,117 ล้านบาท” กำไรสุทธิ “125 ล้านบาท” เป็นครั้งแรกที่บริษัทมีกำไร “หลักร้อยล้าน” เติบโตจากปี 2565 กว่า 121% ภาพรวมจึงเป็นตัวเลขที่มีแนวโน้มไปในทิศทางบวก แต่ถึงอย่างนั้นก็นับว่า ยังห่างไกลจากตัวเลขในใจของ “พันธ์รบ” หลายก้าว

เขาเคยระบุว่า ต้องการเห็นชายสี่ฯ ไปให้ถึงหมื่นล้าน ซึ่งครั้งนี้ “พันธ์รบ” ก็อธิบายเพิ่มเติมว่า เป็นการตั้งเป้าที่ต้องมีตัวเลขสูงเข้าไว้ เป้าหมายไม่สามารถตั้งน้อยได้เพราะจะทำให้ขาดความกระตือรือร้น ประกอบกับระหว่างปี 2562 ถึง 2565 บริษัทเจอพายุโหมกระหน่ำจากวิกฤติระบาดใหญ่ ถามว่า อยากได้ “หมื่นล้าน” หรือไม่ ยังเป็นเป้าหมายเช่นนั้นดังเดิม ซึ่งการจะไปถึงเป้าตรงนั้นได้ก็มาจากแผนการทำงานระหว่างทางในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จากการทรานสฟอร์มที่ทำให้เห็นว่า ชายสี่ฯ มาถูกทางแล้ว

‘ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว’ ฝันอยากได้หมื่นล้าน ใต้โจทย์ความท้าทายเรื่อง ‘รสชาติ’

นอกจากตลาดในประเทศ หลังจากนี้เราจะได้เห็น “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” ออกไปสยายปีกนอกราชอาณาจักรกันบ้าง เริ่มที่ “ฟิลิปปินส์” เป็นแห่งแรก ที่มีการสร้างโรงงานเสร็จเรียบร้อย พร้อมสำหรับการผลิตเส้นในเฟสแรก “อนุชิต” ระบุว่า ตอนนี้เพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น และมีรถเข็นเพียงหลักหน่วยเท่านั้น โดยปีที่ผ่านมาอาจจะยังไม่ได้มีความเคลื่อนไหวมากนัก เพราะเป็นช่วงที่ใช้เวลาไปกับการ “ซ่อมบ้าน” เพื่อทำให้การดำเนินงานในภาพรวมดีขึ้น แต่หลังจากนี้จะได้เห็นความเคลื่อนไหวในส่วนของสาขาที่กระจายออกไป รวมถึงประเทศอื่นๆ อย่าง “กัมพูชา” ก็ด้วย

ในระยะยาวอีก 2 ถึง 3 ปี “อนุชิต” ตั้งเป้าต้องมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจต่างประเทศราว 20% และยังตั้งใจนำเข้าแบรนด์จากต่างประเทศมาเติมพอร์ตร่วมด้วย เส้นทางสู่การใช้นามสกุลมหาชนของว่าที่บริษัท “หมื่นล้าน” จึงน่าจะมีกลยุทธ์หลักๆ สามส่วนด้วยกัน คือเร่งขยายแบรนด์ของตัวเอง ซื้อแบรนด์อื่นๆ มาบริหารในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เน้นที่ประเทศเพื่อนบ้านก่อน ส่วน “ญี่ปุ่น” ก็อยู่ในแผน มีการพูดคุยกับพาร์ทเนอร์ในการผลิตรูปแบบ “คัพไซซ์” อนาคตเราจะได้เห็น “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” ในซูเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่นกัน

แฟรนไชส์ขยายเยอะ “รสชาติไม่ตรงปก” ยังเป็นโจทย์ที่ท้าทาย

ในขณะที่กำลังเร่งติดสปีดขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น โตขึ้น โจทย์สำคัญที่ผู้บริหารยอมรับว่า ยังมีอยู่ และต้องแก้กันต่อไป คือการสร้างความเชื่อมั่นระหว่างบริษัทและแฟรนไชส์ซี หลายครั้งที่ “พันธ์รบ” ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับร้านค้า และพบว่า บางร้านมีมาตรฐานในใจของตัวเอง บ้างก็ใส่เส้นมากกว่ากำหนด ใส่เนื้อสัตว์ไม่ตรงตามมาตรฐานของบริษัท ทำให้ร้านเหล่านี้ได้กำไรน้อยลง

‘ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว’ ฝันอยากได้หมื่นล้าน ใต้โจทย์ความท้าทายเรื่อง ‘รสชาติ’

เรื่องพวกนี้ต้องกลับไปคุยกับร้านค้าใหม่ทั้งหมด จะทำอย่างไรให้ธุรกิจเกิดผลกำไร ทำอย่างไรให้รสชาติเสถียร บางร้านมีรายได้ “หลักแสนบาท” ต่อเดือน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เป็นอีกภารกิจของบริษัทที่ต้องทำควบคู่กันไปด้วย

“เป็นอีกโจทย์หนึ่งที่เราต้องแก้ให้จบ เป็นอีกเหตุผลที่เราต้องการเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุนแล้วจะสามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้ เพื่อสร้างความเข้าใจกับแฟรนไชส์ ที่ผ่านมา หากสาขาไหนไม่ดี ไม่เหมือนชาวบ้าน เขาจะตายไปโดยธรรมชาติเลย ผู้บริโภคจะลงโทษสาขานั้นเอง ผมเชื่อว่า ยิ่งเรามีทุน เราจะแก้ปัญหาตรงนี้ได้ไม่น้อย” พันธ์รบ กล่าวปิดท้าย