‘ลอตเตอรี่-สายมู’ มากกว่าที่พึ่งทางใจ-ความหวัง แต่ให้ความบันเทิงคนไทย

ในงานสัมมนาการตลาดประจำปี “GroupM FOCAL 2024” ซึ่งจัดโดย กรุ๊ปเอ็ม (ประเทศไทย) กลุ่มบริษัทบริหารจัดการการลงทุนสื่อชั้นนำของโลกในเครือดับบลิวพีพี (WPP) หัวข้อ “Consumers Untold” จะได้รับความสนใจจากนักการตลาดล้นหลาม เพราะการสำรวจกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะลึกทั้งถาม-ตอบ คลุกคลีอยู่กับผู้บริโภคในทุกภูมิภาคทั่วไทยแรมเดือน ทำให้ได้สัมผัสมุมมอง ความเห็นที่หลากหลาย

ทั้งนี้ ผลสำรวจออกมาหลังที่ประเทศไทยผ่านการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2566 และมีนายกรัฐมนตรี มีการจัดตั้งรัฐบาล กลับกลายเป็นภาพที่ทำให้ทุกคนต้องตื่นจากฝันได้แล้ว เพราะหลายอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด ไม่ว่าจะเป็นภาพเศรษฐกิจ ปากท้อง ยังไม่ได้ดีขึ้น

ซ้ำร้ายยังนิยามเป็นปีแห่ง..คุณหลอกดาว!..เพราะทุกอย่างกลับเป็นตรงกันข้าม เพราะข้าวของแพง การหารายได้ยากยิ่งกว่าเดิม เมื่อถามถึงการหารายได้เสริมที่มั่นคง คำตอบกลายเป็นแหล่งเดียวไม่เพียงพอ ขอมีรายได้เสริมแหล่งที่ 3-4 หรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำ ซึ่งในต่างจังหวัด หากมีงานเทศกาลอะไร พร้อมไปเปิดร้านขายสินค้าหาเงินเลี้ยงปากท้องเลยทีเดียว

แล้วท่ามกลางความยากลำบาก ประชาชนคนไทยหันมาพึ่งพาตัวเองมากขึ้น และพฤติกรรมเชิงลึก(Insight) ที่ยังมาแรงทุกปี ไม่เคยหายไปไหน คือ “ความเชื่อและศรัทธา” ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเหนียวแน่น

และหนึ่งในนั้นคือคือ วันแห่งความหวังของคนทั้งประเทศคือ วันที่ 1 และ 16 ของเดือน ที่ผู้คนต่างรวมตัวกันโดยมิได้นัดหมายเพื่อเสี่ยงโชคซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือ “ลอตเตอรี่” กันอย่างคึกคัก

“ต่อให้จนแค่ไหน ก็จะซื้อลอตเตอรี่ เพราะเป็นสีสันของชีวิต ทำให้กระชุ่มกระชวย และผู้คนใช้แอปพลิเคชันซื้อลอเตอรี่มากขึ้น”

หากมิติการตลาด เมื่อความหวังด้านการเสี่ยงโชคยังมี การทำโปรโมชัน โดยเฉพาะ “ชิงโชค” อาจเป็นอีกอาวุธการตลาดที่แบรนด์ไม่ควรละทิ้ง ในการเดิมเกมกระตุ้นยอดขาย

"ผู้บริโภคสายมู” ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ความเชื่อและศรัทธาเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่มีมาอย่างยาวนาน แต่ปัจจุบันนักการตลาดหยิบพฤติกรรมเหล่านี้มาชูให้โดดเด่นมากขึ้น

ขณะที่ Insight จาก Consumers Untold ประจำปี 2567 การหาที่พึ่งทางใจ การเสริมดวงชะตา โชคลาภ ไม่ได้เข้าวัดวา หาเกจิพระดัง อาจารย์ต่างๆ เหมือนในอดีตอีกต่อไป เพราะยุคนี้ “ออนไลน์” ก็มีเครื่องราง ของขลังพร้อมส่งให้ถึงหน้าบ้าน

ตัวอย่างผู้บริโภครายหนึ่ง สั่งซื้อบูชาเครื่องรางของขลังผ่านออนไลน์ เพียงแจ้งวัน เดือน ปี เกิด เพื่อให้ร้านค้าเลือกสี เลขมงคลให้สอดคล้องความต้องการ เสริมโชคลาภ เป็นอันเรียบร้อย

ภาพดังกล่าว สะท้อนการ “ปรับตัว” ของผู้บริโภค และบรรดาร้านค้าที่เห็นโอกาส เพราะปัจจุบันผู้ที่เดินสายมู จะมีการเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การนำเครื่องรางเสริมดวงไปยังสถานที่ต่างๆ ที่ผ่านการทำพิธีปลุกเสก เช่น อินเดีย ฯ แล้วนำมาจำหน่ายผ่านออนไลน์แบบล่วงหน้าหรือพรีออเดอร์กันจำนวนมาก

ด้านผู้บริโภคเองก็ไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆด้วยตัวเอง จากข้อจำกัด เช่น ไกล ก็สามารถได้รับสิ่งที่สร้างความสบายใจให้ตนเองได้

“สี เลขมงคล ทำให้การตัดสินใจดีขึ้น การพึ่งพาสายมูเหล่านี้ได้ความสบายใจ มั่นใจ ความเชื่อ แต่ยังเติมสีสันชีวิต ให้ความบันเทิงด้วย”

การตลาดสายมู(Muketing) จึงเบ่งบานมากขึ้น ตัวอย่างค่ายมือถือที่มี “เบอร์มงคล” ขายกันมากมาย และราคาไม่ได้ถูกๆ หากต้องการเบอร์มงคลขั้นสุด ต้องจ่ายกันแพงด้วย จากมีเงินเก็บไว้ ก็ต้องเสียเงินเพื่อเสริมดวงเสียก่อน นอกจากนี้สินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันหรือ FMCG เช่น กระดาษทิชชู่ซิลค์(Zilk) ที่มีคอลเล็กชั่นเสริมดวงปี 2566 ด้วยแพ็คเกจจิงที่และเซ็ทที่จะมาเสริมความร่ำรวยเฮงๆ ซึ่งเป็นแคมเปญที่แบรนด์ร่วมกับ “หมอช้าง ทศพร” ทำขึ้นเพื่อตอบโจทย์สายมู

“คนโสด” เป็นอีกตลาดที่น่าสนใจในการพึ่งพา “สายมู” โดยเฉพาะความคาดหวังจะเจอคนที่ใช่ คู่รักเพื่ออยู่ครองคู่ชีวิต ทำให้แพลตฟอร์มหาคู่ระดับโลกอย่าง Tinder ออกแคมเปญ X พระตรีมูรติ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้ “ปัดขวา” หาคนที่แมทช์บริเวณลานหน้าศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระองค์

ห้างค้าปลีกก็ลุยตลาดสายมู โดยเฉพาะ “ตรุษจีน” ที่เป็นไฮไลต์สำคัญในการกระตุ้นยอดขาย ที่ผ่านมา เซ็นทรัลพัฒนา ได้แนะนำเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ที่ประดิษถานในพื้นที่ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศไทย เพื่อให้คนไทยได้กราบไหว้ขอพรด้วย

พลังการตลาดสายมู จึงไม่ใช่แค่ศาสตร์การปั๊มยอดขายจากความเชื่อของผู้คน แต่อีกด้านผู้บริโภคก็ยินดีจ่าย เพื่อความเชื่อ ศรัทธา และสำคัญสุด ได้ความสุข สบายใจเป็นพื้นฐานของการใช้ชีวิตนั่นเอง