หนีสงครามเป็นเหตุ! เศรษฐีรัสเซีย-ยูเครน แห่ซื้อบัตร ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด

หนีสงครามเป็นเหตุ! เศรษฐีรัสเซีย-ยูเครน แห่ซื้อบัตร ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด

เศรษฐี ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ตบเท้าซื้อบัตร ‘ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด’ หนีสงครามมาพำนักในไทย ด้านเมียนมา ไต้หวัน ฮ่องกง ก็ด้วย หลังได้รับผลกระทบจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และสงคราม ‘ทีพีซี’ เปิดตัวเลขปี 66 ยอดสมาชิกโตกว่า 11,846 ราย มั่นใจปี 67 เพิ่มมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 8,000 ราย

นายมนาเทศ อันนวัฒน์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) กล่าวว่า จากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และสงครามในบางพื้นที่ ส่งผลให้มีประชากรในประเทศเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย ยูเครน เมียนมา ไต้หวัน และฮ่องกง มาซื้อบัตรสมาชิก “ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด” เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีสมาชิกบัตรชาวรัสเซีย 1,132 ราย ยูเครน 86 ราย เมียนมา 535 ราย ฮ่องกง 882 ราย และไต้หวัน 1,236 ราย 

“เมื่อดูอัตราการเพิ่มขึ้นของสมาชิกบัตรชาวรัสเซีย พบว่าขยับขึ้นจากเคยอยู่อันดับ 8 มาอยู่ที่อันดับ 5 โดยประเมินว่าในปี 2567 สมาชิกบัตรชาวรัสเซียจะเพิ่มขึ้นอีก เพราะผู้ถือบัตรนี้จะได้เอกสิทธิ์วีซ่าแบบพำนักระยะยาวในประเทศไทย”

ส่วนตลาดจีนยังมีจำนวนสมาชิกมากเป็นอันดับ 1 คิดเป็น 45% ของสมาชิกทั้งหมด 

 

ด้านผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2566 มียอดสมาชิกเพิ่มขึ้นกว่า 11,846 ราย เพิ่มขึ้น 108% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มียอดสมาชิกในปี 2566 รวมทั้งสิ้น 31,231 ราย โดยมีกลุ่มสัญชาติสมาชิก 5 อันดับแรก คือ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ อังกฤษ และรัสเซีย 

ในปีงบประมาณ 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าขายบัตรไว้ 8,000 ใบ มีรายได้กว่า 8,000 ล้านบาท แต่เมื่อนับจากวันที่ 1 ต.ค. 2566 - 29 ก.พ.2567 ขายบัตรได้แล้วกว่า 6,721 ใบ มีรายได้ 5,428 ล้านบาท จึงคาดว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะสูงกว่าเป้าหมาย 

 

ขณะเดียวกัน ประเมินว่าในปี 2567 จากการเข้ามาประเทศไทยของสมาชิกจะก่อให้เกิดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจกว่า 50,000 ล้านบาท คำนวณจากในแต่ละปีจะมีสมาชิกเดินทางเข้ามา 75% ของจำนวนสมาชิก และอยู่ในไทยประมาณ 50 วัน ปีละ 3.6 ครั้ง มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวัน 7,000-10,000 บาท โดยตั้งเป้าหมายมียอดสมาชิกไม่น้อยกว่า 39,000 ราย

นายมนาเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมุ่งหน้าขยายฐานจำนวนสมาชิกไปยังกลุ่มเป้าหมายหลักทั้งประเทศ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ อังกฤษ เกาหลี ฮ่องกง ไต้หวัน รัสเซีย และยุโรป อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ รวมถึงการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ อาทิ อินเดีย ตะวันออกกลาง หรือกลุ่ม LGBTQIA+  ซึ่งมีกำลังซื้อสูง 

หนีสงครามเป็นเหตุ! เศรษฐีรัสเซีย-ยูเครน แห่ซื้อบัตร ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด

ขณะเดียวกัน ยังคงมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์และสิทธิประโยชน์ เพื่อส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Long-term visa with more privileges ผู้นำด้านเอกสิทธิ์ทางด้านวีซ่าพำนักระยะยาวระดับโลก ด้วยกลยุทธ์ MORE ที่ครอบคลุมและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในทุกมิติ ดังนี้

M - Member Centric ศึกษาความพึงพอใจและความต้องการสมาชิกเพื่อยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์และสิทธิประโยชน์ นำเสนอบริการและสิทธิประโยชน์ที่จากพันธมิตรคู่ค้ากว่า 300 แห่ง ที่ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ อาทิ Stay, Travel, Leisure, Health & Well-being และ Wealth เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด โดยการเก็บข้อมูลผ่านการวิจัย และทำความเข้าใจถึงพฤติกรรม ตลอดจนความต้องการของสมาชิก

O - Opportunity ศึกษาช่องทางและโอกาสใหม่ในการขยายตลาดและฐานสมาชิกอยู่เสมอ อาทิการสรรหาตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือ GSSA ใหม่ ๆ เพื่อขยายตลาด เพิ่มยอดขายและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พัฒนาช่องทางการสื่อสารทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย

R - Responsibility มีความรับผิดชอบและธรรมาภิบาลต่อ สังคม สิ่งแวดล้อม พนักงาน ผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders)

E - Excellence มุ่งสู่ความเป็นเลิศทางด้านการบริหารจัดการองค์กร (Operational Excellence) และการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณภาพการทำงาน (Digital Excellence) รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรสู่ความเป็นเลิศ (People Excellence)

 

ปัจจุบัน บัตรสมาชิก ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ประกอบไปด้วยบัตรสมาชิกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 

GOLD 

-อัตราค่าธรรมเนียม 900,000 บาท 

-อายุการเป็นสมาชิก 5 ปี 

-รับคะแนนสะสมปีละ 20 คะแนน

 

PLATINUM 

-อัตราค่าธรรมเนียม 1.5 ล้านบาท 

-อายุการเป็นสมาชิก 10 ปี 

-รับคะแนนสะสมปีละ 35 คะแนน

  

DIAMOND 

-อัตราค่าธรรมเนียม 2.5 ล้านบาท 

-อายุการเป็นสมาชิก 15 ปี 

-รับคะแนนสะสมปีละ 55 คะแนน

 

RESERVE 

-อัตราค่าธรรมเนียม 5 ล้านบาท 

-อายุการเป็นสมาชิก 20 ปี++ 

-รับคะแนนสะสมปีละ 120 คะแนน 

-เป็นบัตรเพียงประเภทเดียวที่ผู้สมัครต้องได้รับการเชิญเท่านั้น (By invitation only) และจำกัดจำนวนสมาชิกปีละไม่เกิน 100 ท่านเท่านั้น

 

“ทั้งนี้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถส่งเงินกำไรคืนให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ในฐานะบริษัทแม่ รวม 1,607 ล้านบาท เพื่อส่งคืนให้รัฐบาล แบ่งเป็น ปี 2564 จำนวน 138 ล้านบาท ปี 2565 จำนวน 627 ล้านบาท และปี 2566 จำนวน 841 ล้านบาท” นายมนาเทศกล่าว