ส่องแผน ‘โฮมโปร’ วางเป้า 5 ปี เทงบ 2-3 หมื่นล้าน สร้างธุรกิจสู่ยอดขายแสนล้าน
โฮมโปร ประกาศแผน 5 ปี วางงบลงทุน 2-3 หมื่นล้านบาท ขยายสาขาให้ถึง 170 สาขาทั่วประเทศ พร้อมดันธุรกิจสู่ยอดขายแสนล้านบาท ย้ำผู้นำตลาดไทยและมุ่งเป้าสู่ตลาดอาเซียน
ท่ามกลางความกังวลเรื่องการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2567 และกำลังซื้อในประเทศ และวิกฤตหนี้ครัวเรือนจะมีทางออกอย่างไรต่อไป แต่ในมุมมองภาคเอกชน ยังมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศไทย และการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะทยอยออกมา รวมถึง "โฮมโปร" ร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านรายใหญ่ของประเทศ ที่ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยเช่นกัน
อาณาจักรโฮมโปรของเจ้าสัว ““อนันต์ อัศวโภคิน” ภายใต้ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยักษ์ใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และอาณาจักรของตกแต่งบ้านแบบครบวงจร กับ “โฮมโปร” ได้ประกาศแผนครั้งสำคัญในปี 2567 เดินหน้าใช้งบ 20,000-30,000 ล้านบาท เพื่อรุกขยายสาขาครั้งใหญ่นับจากนี้ไป
นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร (HomePro) กล่าวว่า บริษัทได้วางยุทธศาสตร์ของบริษัทในปี 2567 ที่มุ่งแผนการเติบโตสมดุลอย่างยั่งยืน (Sustainability) ผ่านกลยุทธ์ 3 เอส สร้างช่องทางจำหน่ายให้แข็งแกร่ง สร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า สร้างนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนขององค์กร
ทั้งนี้แผนธุรกิจใน 5 ปีข้างหน้าจะใช้งบลงทุน 20,000-30,000 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาให้ได้มากกว่า 170 สาขาในทุกโมเดล พร้อมผลักดันดันยอดขายให้ถึง 1 แสนล้านบาท ใน 5 ปีข้างหน้า จากในปัจจุบันมีอยู่ 127 สาขา
สำหรับการขยายสาขาใหม่ให้ได้ 170 สาขา มีทั้งการเปิดโฮมโปร เมกะโฮม และสาขาในรูปแบบไฮบริด ซึ่งเป็นโมเดลใหม่รวมทั้งโฮมโปรและเมกะโฮมไว้ด้วยกัน พร้อมวางแผนการเปิดโมเดลใหม่อื่น ให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้า อีกทั้ง วางกลยุทธ์ขยายช่องทางออนไลน์ให้แข็งแกร่งขึ้น ทั้ง B2B และ B2C เพื่อสร้างฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ให้มากขึ้น ผ่านการมีทีมบริการก่อนและหลังการขาย รวมถึงทีมติดตั้ง เพื่อให้บริการอย่างครบวงจร
"ประเมินตลาดรวมในปีนี้จะขยายตัวมากกว่าปีก่อนเล็กน้อย โดยบริษัทมีการปรับตัวและเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจมาตลอด และประเมินว่า นโยบายของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่ทยอยออมา ไปจนถึงโครงการดิจิทัล วอลเล็ต เมื่อผู้บริโภคมีการใช้จ่าย ก็จะยิ่งส่งผลให้ภาคค้าปลีกได้ประโยชน์ตามมาด้วย"
เปิดบริการใหม่นำเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่ามารีไซเคิลสู่สินค้าใหม่
สำหรับบริการใหม่ที่ออกมารองรับเทรนด์การรักษ์โลกกับ "First Closed Loop Circular Appliances" ด้วยการจัดทำโครงการ รีไซเคิล Waste of Electrical and Electrical Equipment (WEEE) เปิดให้ลูกค้านำเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ไม่ใช้แล้วมาสู่กระบวนการรีไซเคิลที่มีมาตรฐาน GRS เพื่อให้ได้เม็ดพลาสติก PCR (Post Consumer Recycled) ที่มีคุณภาพ กลับมาผลิตใหม่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบหมุนเวียนที่ครบวงจร
ทั้งนี้นับได้ว่าเป็นค้าปลีกรายแรกในโลกที่ได้ดำเนินการโครงการนี้ ซึ่งมีพันธมิตร ได้แก่ Haier, Toshiba, Venz และ SCGC มีเป้าหมายร่วมลดปริมาณขยะให้กับโลก
นอกจากนี้มีแผนเพิ่มสินค้าและบริการกลุ่มใหม่ๆ อย่างกลุ่มแม่และเด็ก รวมถึงสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (อีโค โปรดักส์) พร้อมขยายโครงการ “Trade In-แลกเก่าเพื่อโลกใหม่” ที่ได้รับความสนใจสูงมากในปีแรก รวมถึง การร่วมกับ SCGC พัฒนาผลิตสินค้ารักษ์โลก (Circular Product) นำวัสดุเหลือใช้มาออกแบบใหม่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถนำกลับมาได้ใช้อีกครั้ง
นอกจากนี้ จะมีการลงทุนพัฒนาด้านระบบขนส่งและโลจิสติกส์ ด้วยการขยายพื้นที่คลังสินค้า (Distribution Centre) อีกกว่า 1 แสน ตร.ม. จากปัจจุบันคลังสินค้า มีใหญ่สุดในเอเชีย พื้นที่กว่า 3.73 แสนตร.ม. รองรับการขยายธุรกิจในอีก 5 ปี อีกทั้งจะเพิ่มศักยภาพของและส่งออกสินค้าขนาดเล็กและใหญ่กว่า 4 แสนชิ้นต่อวัน ด้วยระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ System : ASRS (Automated Storage and Retrieval System) รวมถึงการลงทุนเทคโนโลยีอย่างเอไอ มาเสริมประสิทธิภาพการบริหารงานระบบภายในให้แข็งแกร่งมากขึ้น
มุ่งสู่ผู้นำตลาดในไทยและอาเซียน 5 ปีข้างหน้า
นายวีรพันธ์ ย้ำว่า การวางยุทธศาสตร์ในอีก 5 ปีข้างหน้า ที่จะมุ่งสู่การเป็น ผู้นำโฮมโซลูชั่นและลิฟวิ่ง เอ็กซ์พีเรียนในไทยและในตะวันออกเฉียงใต้ โดยตลอดระยะเวลา 28 ปี บริษัท สามารถสร้างการเติบโตได้ดีต่อเนื่อง ยกเว้นในช่วงโควิด ซึ่งธุรกิจสร้างการเติบโต 20% ครองความเป็นเบอร์หนึ่งค้าปลีกบ้านและวัสดุก่อสร้าง
ภาพรวมยอดขายของบริษัทในปี 2566 คาดว่าจะมากกว่า 6.80 หมื่นล้านบาท จากในปัจจุบันมีฐานลูกค้าสมาชิก 6.5 ล้านคน และมียอดการทำธุรกรรมมากกว่า 23 ล้านครั้งต่อปี
กางแผนปี 2567 เปิดสาขาใหม่ 6-8 สาขา
"รักพงศ์ อรุณวัฒนา" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์ กลยุทธ์ และความยั่งยืนองค์กร บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า แผนของบริษัทในการขยายสาขาใหม่ปี 2567 วางงบลงทุนไว้ที่ 6,000-8,000 ล้านบาท เพื่อเปิดสาขาใหม่ 6-8 สาขา คาดว่าจะมีสาขาในรูปแบบไฮบริดประมาณ 2-3 สาขา โดยการเปิดสาขาใหม่จะเน้นในเมืองใหญ่ที่กำลังขยายตัว อย่างที่ผ่านมา มีสาขาในเชียงใหม่รวม 3 สาขา และในชลบุรีที่มีอยู่ 7-8 สาขาแล้ว ส่วนสาขาทั้งของทุกโมเดลรวมอยู่ที่ 127 สาขา และมี 7 สาขาในมาเลเซีย
อีกโจทย์ของการทำธุรกิจ ที่ไม่ได้มุ่งสร้างยอดขายและกำไรเพียงอย่างเดียว แต่บริษัทมุ่งสร้างผลดีต่อสิ่งแวดล้อม จึงเดินหน้าเคลื่อนองค์กรไปสู่การใช้พลังงานสะอาด ทั้งการเปลี่ยนเป็นรถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV Car) วางเป้าหมายจะเปลี่ยนมาใช้ให้ได้สัดส่วน 50% ของพาหนะทั้งหมดภายในปี ค.ศ.2030 รวมถึงการติดตั้งโซลาร์เซลล์ ให้กับโฮมโปรและเมกาโฮม ไปแล้วกว่า 80 สาขา และเตรียมขยายสาขาใหม่ในอนาคต วางโฮมโปร ก้าวไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2050
