‘เอ็มไอฯ’ บุกโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก เปิด ‘คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท’ ใหญ่สุดในไทย!

ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง

เบรนดอน พาร์ทริดจ์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรม คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท กรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ท เล่าว่า “บริษัท เอ็มไอ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด” (เดิมชื่อ บริษัท มนตรี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด) ได้เข้ามาลงทุนพัฒนาโรงแรม “คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท กรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ท” ซึ่งมีจำนวนห้องพักกว่า 468 ห้อง บนเนื้อที่กว่า 12 ไร่บนทำเลศักยภาพ เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ใน “ย่านลาดกระบัง” อยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิไม่ถึง 10 นาที เปิดให้บริการเมื่อเดือน ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา

“เนื่องจากโรงแรมนี้เป็นโรงแรมแห่งแรกของเอ็มไอ ดีเวลอปเมนท์ ทางเจ้าของจึงให้ความสนใจ ใช้เวลา และตั้งใจพัฒนาอย่างมาก โดยเป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของแบรนด์ ‘คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท’ ในประเทศไทย นอกจากนี้ทาง เอ็มไอ ดีเวลอปเมนท์ ยังเตรียมเปิดโรงแรมใหม่ภายใต้แบรนด์ในเครือแมริออท อินเตอร์เนชันแนล อีก 2 แห่งภายในปี 2567 อีกด้วย”

ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของย่านลาดกระบัง ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางความเจริญครบวงจรของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก โดดเด่นด้วยการเป็นจุดเชื่อมต่อด้านการคมนาคมของประเทศสู่นานาชาติ และการเป็นย่านอุตสาหกรรมที่สำคัญ สถานศึกษา ที่อยู่อาศัย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อันหลากหลาย จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เชื่อมั่นว่าโรงแรมแห่งใหม่ภายใต้แบรนด์ “คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท” ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จะได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งนักเดินทางต่างประเทศและชาวไทย

จากสถิติตลอดปี 2566 มีจำนวน “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เดินทางเข้าประเทศไทยทะลุ 28 ล้านคน ถือเป็นการฟื้นตัวกลับมาได้อย่างยอดเยี่ยม และในปี 2567 ตามเป้าหมายของ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) ระบุว่าน่าจะเห็นตัวเลขกลับไปแตะระดับ 35-40 ล้านคน ใกล้เคียงกับปี 2562 ก่อนโควิดระบาดซึ่งมีจำนวนเฉียด 40 ล้านคน

โรงแรมแห่งนี้ถือเป็น “โรงแรมขนาดใหญ่” ในย่านลาดกระบัง-สุวรรณภูมิ พร้อมรองรับลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มลูกค้าองค์กร ซึ่งได้อานิสงส์จากโลเกชันที่ตั้งในย่านอุตสาหกรรม รวมถึงกลุ่มลูกค้าลูกเรือสายการบิน กลุ่มนักกีฬาเดินทางหนีหนาวมาเก็บตัวฝึกซ้อม นักกอล์ฟ และนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT)

“หลังจากโรงแรมเปิดให้บริการมา 2 เดือนแรก พบว่าเทรนด์ของธุรกิจที่เราได้เรียนรู้คือ นักท่องเที่ยวนิยมจองแบบกระชั้นชิด เข้ามาแบบ Last Minute มากๆ หลายรายจองล่วงหน้าแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น และต้องการเข้าพักโรงแรมใกล้สนามบิน ตื่นไปขึ้นเครื่องบินตอนเช้าได้เลย เพราะอยู่ห่างจากสนามบินไม่ถึง 10 นาที”

ทั้งนี้ โรงแรมได้ตั้งเป้าอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ในปี 2567 อยู่ที่ 70-80% โดยลูกค้าตลาดเป้าหมายหลัก 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐ ไทย จีน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ตามลำดับ

เบรนดอน เล่าเพิ่มเติมถึง “แนวคิดการออกแบบ” โรงแรมแห่งนี้ว่า แม้จะเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ แต่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและเป็นกันเองกับผู้เข้าพัก ด้วยบรรยากาศสไตล์ “รีสอร์ตชานเมือง” ร่มรื่นใกล้ชิดธรรมชาติ ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านริมน้ำ” หยิบยกเสน่ห์วิถีชีวิตของชุมชนริมคลองประเวศบุรีรมย์ที่อยู่ติดโรงแรมมาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบ

พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้บริการ ได้แก่ “ห้องพัก” กว่า 468 ห้อง แบ่งเป็น 10 ประเภทห้อง ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้เข้าพัก “ร้านอาหาร” ประกอบด้วยห้องอาหารหลัก 4 ห้อง ได้แก่ “ร้านช้อนส้อม” (Chon-Som Restaurant) กับเมนูอาหารนานาชาติบุฟเฟต์ ให้บริการทั้งมื้อเช้า กลางวัน และมื้อค่ำ และ “บิ๊กไบต์เบอร์เกอร์” (Big Bite Burger) เปิดให้บริการตั้งแต่ 17.00 - 23.00 น. อัดแน่นไปด้วยเมนูเบอร์เกอร์สูตรพิเศษ สเต็ก สลัด และไอศกรีมซันเดย์ ในบรรยากาศการตกแต่งแบบย้อนยุคสไตล์อเมริกัน

พร้อมด้วยคาเฟ่และบาร์สุดชิค “เดอะ ล็อบบี้ เดลิ” (The Lobby Deli) สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติกับวิวสระว่ายน้ำแบบพาโนรามิค ที่มีบริการกาแฟและเบเกอรี รวมถึงเครื่องดื่มเมนูค็อกเทลซิกเนเจอร์และอาหารสุดพิเศษตลอดวัน พร้อมรับฟังดนตรีสดในทุกค่ำวันเสาร์และอาทิตย์ ปิดท้ายด้วย “สวิมอัป พูลบาร์” (Swim up Pool Bar) บาร์ริมสระว่ายน้ำสุดชิค พร้อมเติมความสดชื่นไปกับเมนูอาหารว่างและเครื่องดื่มระหว่างวัน

นอกจากนี้ โรงแรมมีห้องประชุมและจัดเลี้ยงให้บริการสถานที่จัดงานประชุมและสัมมนา ด้วยห้องบอลรูมขนาดใหญ่ถึง 800 ตารางเมตร ตอบโจทย์กิจกรรมทุกประเภท เช่น งานแต่งงาน งานเลี้ยง และการประชุมธุรกิจ และยังมีห้องประชุมอีก 7 ห้องที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อการจัดงานหรือกิจกรรมได้หลากหลายรูปแบบ

ขณะเดียวกันยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ได้แก่ สระว่ายน้ำเอาต์ดอร์ขนาดใหญ่ความยาว 40 เมตร ฟิตเนสเซ็นเตอร์ อุปกรณ์ทันสมัยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงร้านสปาชื่อดัง “LET’S RELAX SPA”  ตลอดจนร้านขายของฝากในชื่อ “Kanna” ที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนด้วยการนำผลิตภัณฑ์ของชุมชนมาจำหน่ายเป็นของที่ระลึกสำหรับนักเดินทางอีกด้วย