ประตูน้ำไม่สิ้นมนต์ขลัง 'ห้างกรุงทองพลาซา’ ชูพลัสไซซ์ สร้างรีเทลยืนหนึ่ง

ประตูน้ำไม่สิ้นมนต์ขลัง 'ห้างกรุงทองพลาซา’ ชูพลัสไซซ์ สร้างรีเทลยืนหนึ่ง

'ห้างกรุงทองพลาซา’ ชูความต่างเป็นรีเทล หนึ่งเดียวในไทย รวมเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่น ‘พลัสไซซ์’ แผนปี 67 รุกขยายไซส์ 8XL จัดห้องไลฟ์ให้ผู้ประกอบการ หวังดึงอาเซียนปักหลักใช้ไทยส่งออกไปทั่วโลก ชี้ค้าปลีกประตูน้ำกลับมาคึกคัก คงเป็นศูนย์กลางค้าปลีก-ค้าส่งที่สำคัญของไทย

สำรวจอาณาจักรค้าปลีก-ค้าส่งเสื้อผ้า ในย่านประตูน้ำ รวบรวมผู้ประกอบการไว้ทุกมุมของแยกประตูน้ำ ทั้ง แพลทินัม แฟชั่นมอลล์ พาลาเดียม ไปจนถึง กรุงทองพลาซา กลายเป็นขุมทรัพย์ค้าปลีก-ค้าส่ง มีขนาดใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งผู้ประกอบการได้วางกลยุทธ์ กำหนดราคาแบบคุ้มค่า คุ้มราคา อีกทั้งเป็นทำเลที่พ่อค้าแม่ค้า นิยมมาไลฟ์ขาย สินค้าเสื้อผ้า แต่... ท่ามกลางโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนโฉม และมีค้าปลีกเกิดขึ้นมากมายในหลายทำเล จะสร้างแรงกระเพื่อมต่อ ค้าปลีก-ค้าส่งไทยในย่านประตูน้ำเปลี่ยนแปลงโฉมไปอย่างไร! 

“อัญชลี ตันติวงษากิจ” กรรมการผู้จัดการ ห้างกรุงทองพลาซา ประเมิน ภาพรวมค้าปลีกในย่านประตูในปี 2567 เริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น ภายหลังตลาดการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอีกครั้ง ทำให้ย่านประตูน้ำเป็นแหล่งสำคัญที่ทัวริสต์ต่างเข้ามาเลือกซื้อเสื้อผ้า โดยเฉพาะจากผู้ผลิตไทยและทุกคนต่างมีความเชื่อมั่นจากสินค้าไทยที่มีมาตรฐานการผลิตที่ดี มาด้วยราคาแบบคุ้มค่า

 

อีกสิ่งที่เห็นคือ มีผู้ผลิตเสื้อผ้าจากประเทศจีนเข้ามาวางจำหน่ายลดลง เนื่องจากรัฐบาลจีนได้มีนโยบายมุ่งปราบปรามโรงงานผลิตเสื้อผ้าที่ไม่ได้มาตรฐานในประเทศ ทำให้สินค้าเสื้อผ้าจากจีนส่งออกเข้ามาในไทยน้อยแล้ว ภาพรวมในปัจจุบันประตูน้ำ จึงยังเป็นศูนย์กลางของตลาดค้าปลีก-ค้าส่งที่สำคัญของประเทศไทย รวมถึงดึงดูดผู้ประกอบออนไลน์จากประเทศเพื่อนบ้าน นิยมมาไลฟ์เพื่อนำเสนอสินค้าเสื้อผ้าจากไทยไปทำตลาดในอาเซียน รวมถึงผู้ประกอบการไทยเช่นกัน

"เราเป็นเจนสอง ที่เข้ามาร่วมบริหารกรุงทองพลาซา ตั้งแต่เริ่มแรก พร้อมคุณพ่อ "

กรุงทองพลาซา สามารถสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง สะท้อนจากการเป็นห้างแห่งเดียวในประเทศไทย ที่รวบรวมสินค้าเสื้อผ้าและแฟชั่นพลัสไซซ์ไว้ทั้งหมด ถือว่ามีความครบวงจรแห่งเดียวในประเทศ โดยได้เริ่มปรับกลยุทธ์ดังกล่าวมาเป็นเวลาร่วม 5 ปีแล้ว จึงร่วมดึงดูดกลุ่มลูกค้าและผู้ประกอบการเข้ามาใช้บริการเข้ามาใช้บริการหนาแน่น พร้อมมีจำนวนร้านค้ากว่า 400 ร้านค้า

ประตูน้ำไม่สิ้นมนต์ขลัง \'ห้างกรุงทองพลาซา’ ชูพลัสไซซ์ สร้างรีเทลยืนหนึ่ง

อัญชลี ตันติวงษากิจ กรรมการผู้จัดการ ห้างกรุงทองพลาซา

ย้อนไทม์ไลน์กลับไป กรุงทองพลาซา มีจุดเริ่มต้นจากการเป็น ศูนย์รวมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ต่อมา ยุคสอง การเป็น ศูนย์ค้าส่งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และ ปัจจุบัน สู่การเป็น "ศูนย์กลางเสื้อผ้าพลัสไซซ์" แห่งเดียวในประเทศไทย

“ตลอด 23 ปีของ กรุงทองพลาซา ได้ผ่านหลากหลายปัจจัย ตั้งแต่สถานการณ์การเมืองในประเทศ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และการเกิดโรคระบาดโควิด แต่สามารถปรับตัวได้มาโดยตลอด ท่ามกลางตลาดค้าปลีกในย่านประตูน้ำที่มีการแข่งขันรุนแรงทุกปี สิ่งสำคัญคือ จะมุ่งการสร้างความแตกต่างให้แก่ธุรกิจ”

ทิศทางธุรกิจในปี 2567 วางแผนเพิ่มกลุ่มสินค้า พลัสไซซ์ ให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น จากในปัจจุบันมีขนาดตั้งแต่ XS และใหญ่สุดที่ 6XL หรือวัดขนาดจะอยู่ที่ เอว 60 นิ้วและหน้าอก 60 นิ้ว ส่วนแบรนด์ทั่วไปส่วนใหญ่ ผลิตในขนาด S ไปจนถึง 2XL ทั้งนี้การเพิ่มเป็น 8XL รองรับการขยายตลาดกลุ่มลูกค้าใหม่ในยุโรป ที่มีความต้องการสินค้าในกลุ่มนี้

 

ประตูน้ำไม่สิ้นมนต์ขลัง \'ห้างกรุงทองพลาซา’ ชูพลัสไซซ์ สร้างรีเทลยืนหนึ่ง

พร้อมกันนี้ จะสยายปีกตลาดในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น ผ่านการจัดห้องสำหรับ ห้องสตูดิโอ ไว้รองรับการไลฟ์ขายสินค้า เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ต้องการนำเสนอสินค้าไปยังฐานลูกค้าในตลาดอาเซียน ซึ่งที่ผ่านมา ห้างกรุงทองพลาซา ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าในอาเซียนมาเลือกซื้อสินค้าและส่งออกไปทำตลาดทั้งจาก ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย เป็นต้น

"เราเป็นที่รู้จักมากขึ้นและลูกค้าเกิดการบอกปากต่อปาก ในกลุ่มคอมมูนิตี้ของเสื้อผ้าพลัสไซซ์ในต่างประเทศ ทำให้ลูกค้าต่างชาตินิยมเข้ามาเลือกซื้อสินค้าไปทำตลาดต่อ เพราะในต่างประเทศสินค้าแฟชั่นจะไม่หลากหลายเท่ากับประเทศไทย" 

ประตูน้ำไม่สิ้นมนต์ขลัง \'ห้างกรุงทองพลาซา’ ชูพลัสไซซ์ สร้างรีเทลยืนหนึ่ง

อีกสิ่งที่ให้ความสำคัญมาตลอดคือ การคัดเลือกร้านค้าที่เข้ามาเปิด มุ่งพิจารณาคุณสมบัติว่ามีการผลิตสินค้าเสื้อผ้าเป็นอย่างไร จะต้องมีมาตรฐานการผลิตที่ดี และร้านค้าหลายแห่งที่เปิดให้บริการส่วนใหญ่จะมีโรงงานผลิตสินค้าเอง เพื่อทำให้ร้านค้าทุกแบรนด์สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าอย่างสูงสุด 

แผนการตลาด จะมุ่งทำทำกิจกรรมผ่านออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการจัดกิจกรรมการตลาดอย่างเข้มข้นทั้งปี เพื่อทำให้ห้างกรุงทองพลาซา มีความคึกคักและกระตุ้นลูกค้าได้รับประสบการณ์ความสนุกตลอดปี นับเป็นห้างแห่งเดียวในย่านประตูน้ำที่มีการจัดกิจกรรมการตลาด โดยภาพรวมในปัจจุบัน ยอดทราฟฟิก 10,000 คนต่อวัน ส่วนในช่วงวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ เพิ่มขึ้นเป็น 20,000 คนต่อวัน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน

“ตอนนี้ยอดร้านค้าเข้ามาเปิดให้บริการเต็มพื้นที่ รวม 400 ร้านค้า ตั้งแต่ปีก่อนแล้ว และยังมีร้านค้าจำนวนมาก ที่ลงรายชื่อ รอคิวเข้ามาเปิดให้บริการแบบข้ามปีแล้ว แสดงถึงผลตอบรับของลูกค้าที่อยู่ในระดับสูง”

นอกจากนี้แผนเชิงรุกเพื่อขยายสินค้าเสื้อผ้า พลัสไซซ์ ได้มีการจัดแฟชั่นโชว์ เพื่อร่วมฉลองครบรอบ 23 ปีในปีนี้ พร้อมมีการดึงนางแบบและนายแบบ มาร่วมใส่เสื้อผ้า พลัสไซซ์ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ทุกคนสามารถมาใส่เสื้อผ้าในรูปแบบนี้ได้ โดยเป็นไชซ์ที่ออกแบบมาให้สวมใส่สบาย ซึ่งในปัจจุบันเสื้อผ้า พลัสไซซ์ กำลังได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าอย่างหลากหลาย อีกทั้งในปีนี้ได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมนักออกแบบเสื้อผ้าไทย เพื่อร่วมแจ้งเกิดนักออกแบบรุ่นใหม่ สร้างอุตสาหกรรมเสื้อผ้าไทยให้แข็งแกร่งไปพร้อมๆ กัน 

ทั้งนี้ ประเมินว่าภาพรวมยอดขายในสิ้นปี 2567 จะอยู่ที่ 500 ล้านบาท โดยกลุ่มลูกค้าของห้างกรุงทองพลาซา ส่วนใหญ่มีการจ่ายเฉลี่ย 2,000-3,000 บาทต่อครั้ง ส่วนลูกค้าส่งอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาทต่อครั้ง มียอดการใช้จ่ายสูงกว่าลูกค้าทั่วไปประมาณ 30% สำหรับการใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น มาจากกลุ่มลูกค้าให้ความสำคัญในการแต่งกายเพิ่มขึ้น และการเลือกแต่งกายในแบบที่มีความมั่นใจ

ขณะที่ภาพรวมร้านค้าในห้าง จะมีร้านค้าเสื้อผ้าพลัสไซซ์ ประมาณ 70% และเสื้อผ้าไซซ์ทั่วไปประมาณ 30% 

จากการ ปรับตัวและรุกตลาดต่อเนื่อง ทำให้ ห้างกรุงทองพลาซา ได้ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจแฟชั่นเสื้อผ้าพลัสไซซ์ของภูมิภาคเอเชีย ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า