อินไซต์ ‘จีนเที่ยวไทย’ ยุคใหม่! กับ 8 โปรดักต์ฮิต ทริปเจาะลึก-เช็กอินโซเชียล

อินไซต์ ‘จีนเที่ยวไทย’ ยุคใหม่! กับ 8 โปรดักต์ฮิต ทริปเจาะลึก-เช็กอินโซเชียล

ข้อตกลงร่วมกันของรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนเรื่อง 'ยกเว้นวีซ่า' ระหว่างกันแบบถาวร มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 เป็นต้นไป ได้สร้างโอกาสครั้งสำคัญในการฟื้นตัวแก่ตลาด 'นักท่องเที่ยวจีน' ในปีมังกร 2567 ให้กลับมาทวงแชมป์ตลาดต่างชาติเที่ยวไทยสูงสุดอีกครั้ง!

น่าสนใจยิ่งว่า “อินไซต์” (Insight) และพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนยุคใหม่ จะเปลี่ยนไปมากน้อยขนาดไหน

หลังจมวิกฤติโควิด-19 ยาวนานกว่า 3 ปี และเจอไซด์เอ็ฟเฟ็กต์ “เศรษฐกิจจีนชะลอตัว” จนรัฐบาลจีนต้องออกมาตรการส่งเสริมท่องเที่ยวในประเทศ รวมไปถึงปัญหาเรื้อรังเรื่องความเชื่อมั่นที่มีต่อ “ภาพลักษณ์เชิงลบด้านความปลอดภัย” ของประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยวจีนที่เกิดขึ้นตลอดปีที่ผ่านมา

เอดิสัน เชิน รองประธาน ทริปดอทคอม กรุ๊ป บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ยักษ์ใหญ่สัญชาติจีน กล่าวบนเวทีงานโรดโชว์ส่งเสริมการขาย “TAT & ATTA Roadshow To China 2023” ที่นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อกลางเดือน ธ.ค. 2566 ว่า หนึ่งในเทรนด์การเดินทางน่าจับตาคือลูกจ้างองค์กรต่างโอบรับการเดินทางแบบ Bleisure Travel” หรือการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ (Business) ผสมผสานการท่องเที่ยวเชิงพักผ่อน (Leisure) มากขึ้น โดยมากกว่า 90% ของ “นักเดินทางเชิงธุรกิจ” ระบุว่าอาจไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่นโดยออกค่าใช้จ่ายเองขณะเดินทางเพื่อธุรกิจ และกว่า 38% คาดหวังว่าจะมีเวลาสำหรับการพักผ่อนมากขึ้นขณะพำนักอยู่ในท้องถิ่นนั้นๆ

นอกจากนี้ นักเดินทางเริ่มคุ้นเคยกับการมองหาประสบการณ์แปลกใหม่และเฉพาะด้าน หรือ Unique Niche Experience” ขณะวางแผนการเดินทางของพวกเขา โดยกว่า 35% ของผู้ใช้งานบนแอปพลิเคชันทริปดอทคอมมีส่วนร่วมกับ Trip Moments” ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมคอนเทนต์ด้านการท่องเที่ยวบนทริปดอทคอม และ 22% ถูกโน้มน้าวให้ทำการจองภายใน 1 เดือนของการเข้าชมคอนเทนต์บนทริปดอทคอม

“ประเด็นสำคัญจากเทรนด์การท่องเที่ยวระดับโลก ชี้ให้เห็นว่าการเดินทางที่ผสมผสานระหว่างเชิงธุรกิจและพักผ่อนอย่างยั่งยืนกำลังมาแรง มีความต้องการสูงสำหรับการเดินทางเชิงธุรกิจ ควบคู่กับการแสวงหาความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และประสบการณ์การเดินทางที่มีประสิทธิภาพ”

ขณะเดียวกัน “การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์” กำลังจะกลายเป็นบรรทัดฐาน เมื่อผู้คนต่างแสวงหาประสบการณ์เดินทางแบบแปลกใหม่ แทนที่ทริปอันวุ่นวายเต็มไปด้วยโปรแกรมการเดินทางมากมาย นอกจากนี้การเติมพลังขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ ด้วยการเชื่อมต่อกับ “เทคโนโลยี AI” จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและประสบการณ์ของลูกค้ามากขึ้นด้วย

“จากโปรไฟล์ของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทย พบว่าพฤติกรรมเปลี่ยนไป นิยมเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) มากขึ้น ครองสัดส่วน 74% ส่วนกรุ๊ปทัวร์อยู่ที่ 26% ขณะที่ระยะเวลาการจอง พบว่านักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่ 42% มีระยะเวลาการจองสั้นเพียง 0-7 วัน รองลงมา 23% ใช้ระยะเวลาการจอง 8-14 วัน”

อินไซต์ ‘จีนเที่ยวไทย’ ยุคใหม่! กับ 8 โปรดักต์ฮิต ทริปเจาะลึก-เช็กอินโซเชียล

สอดรับกับ นงลักษณ์ อยู่เย็นดี ผู้อำนวยการสำนักงานเซี่ยงไฮ้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวบนเวทีเดียวกันว่า ภาพรวมของนักท่องเที่ยวจีนเมื่อปี 2566 ยุคหลังโควิดระบาด พบว่าสัดส่วนของนักท่องเที่ยวจีนเป็น “กลุ่ม FIT” มากขึ้น และภาพของตลาดกรุ๊ปทัวร์เปลี่ยนไป เดินทางกันเป็นกรุ๊ปเล็ก 6-8 คน

เน้นออกแบบโปรแกรมท่องเที่ยวตามความต้องการลูกค้าหรือ Tailor-made Group” และต้องเป็น “ทัวร์คุณภาพ” เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เดินทางมาพร้อมเพื่อน ครอบครัว ทั้งกลุ่มลักชัวรี รวมไปถึง “ชนชั้นกลาง” ซึ่งมองหากิจกรรมและประสบการณ์สัมผัสวิถีท้องถิ่น จากเดิมนิยมเดินทางแบบ Sightseeing” เป็นกรุ๊ปใหญ่ไปเยือนหลายสถานที่ เปลี่ยนมาเปิดใจรับ In-depth Tour” สนใจท่องเที่ยวแบบลงลึกมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้คอนเทนต์ของสินค้าท่องเที่ยวยังคงเป็นประเด็นสำคัญมากๆ สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ เช่น ดนตรี กีฬา อาหาร เฟสติวัล การท่องเที่ยวยามค่ำคืน และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

“เทรนด์ใหม่ของการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวในปี 2566 ที่ผ่านมา พบว่านักท่องเที่ยวจีนให้ความสำคัญกับคำว่า ‘ประสบการณ์’ อย่างมาก ข้อที่ 1 ต้องเฉพาะด้านและแปลกใหม่ (Niche & Unique) ข้อที่ 2 ต้องมอบอิสระและผ่อนคลาย (Free & Relax) ข้อที่ 3 สามารถจองสินค้าท่องเที่ยวที่สนใจเพิ่มระหว่างทริปได้ และข้อที่ 4 เป็นการท่องเที่ยวเชิงลึกในท้องถิ่น (Deep Local)”

ด้านสินค้าและบริการที่บรรดาเอเย่นต์และลูกค้า “ถามเข้ามาบ่อยครั้ง” ได้แก่

1.กลุ่ม “โรงแรมที่พัก” พบว่าถ้าเป็นวิลล่า (Villa) ต้องการวิลล่าที่มี 2-3 ห้องนอนสำหรับกลุ่มครอบครัวและกลุ่มเพื่อนเข้าพักด้วยกัน ถ้าเป็นโรงแรม ต้องเป็นโรงแรมที่สวย มีกิจกรรมที่สามารถโชว์บนโซเชียลมีเดียได้ ส่วนโรงแรมที่เป็นมิตรกับกลุ่มครอบครัว ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเด็กครบครัน เช่น สระว่ายน้ำเด็ก คิดส์คลับ สนามเด็กเล่น อาหารเช้าสำหรับเด็ก และความปลอดภัยสำหรับลูกค้าตัวเล็กโดยเฉพาะ

2.กลุ่ม “กิจกรรมและประสบการณ์” เช่น คลาสเรียนทำอาหาร เรียนมวยไทย แต่งชุดไทย เล่นซับบอร์ด ทำสมาธิ เทสไวน์ เดินตลาดท้องถิ่น ชิมสตรีทฟู้ด ดำน้ำ ทำกิจกรรมที่ปางช้าง นวดไทย ล่องเรือ

3.กลุ่ม “ซัมเมอร์แคมป์” เช่น จัดโปรแกรมทัวร์สำหรับนักเรียนเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ และมีทัวร์เสริมให้ผู้ปกครอง

4.กลุ่ม “สุขภาพและการแพทย์” เช่น ตรวจสุขภาพ ล้างพิษ ทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) โยคะ และเสริมความงาม

5.กลุ่ม “สินค้าและจุดหมายที่ได้รับความนิยมในโซเชียลมีเดีย” นิยมเช็กอินแหล่งท่องเที่ยวที่ถ่ายรูปสวยและได้รับความนิยมสูงบนโลกโซเชียลมีเดีย เช่น ร้านอาหารพิเศษ ที่อาจได้มาตรฐานของมิชลินไกด์ หรือ สตรีทฟู้ดน่าสนใจ ร้านกาแฟแบบชิค รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตอย่างตลาดจ็อดแฟร์

6.กลุ่ม “ทีมบิลดิ้งสำหรับนักเดินทางไมซ์” (MICE: การประชุม เดินทางเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) ด้วยการออกแบบกิจกรรมเพื่อกระชับความสัมพันธ์ สร้างกำลังใจและความร่วมมือระหว่างคนในองค์กร ต้องการฟังก์ชันรองรับการประชุมและงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์ รวมถึงงานแสดงแบบท้องถิ่นเพื่อเอ็นเตอร์เทนผู้ร่วมทริป

7.กลุ่ม “สินค้าและกิจกรรมสำหรับคนรุ่นใหม่” ส่วนใหญ่สนใจดนตรี กีฬา อาหาร เฟสติวัล ท่องเที่ยวยามค่ำคืน ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เช่น สปา ทำสมาธิ และตรวจสุขภาพ

8.กลุ่ม “อาหารไทย” ซึ่งโดดเด่นอย่างมากเรื่องสตรีทฟู้ด ร้านอาหารมิชลิน และขนมขบเคี้ยวสไตล์ท้องถิ่น