‘ไลอ้อน’ เดินหน้าทำตลาด “กู๊ดเอจ” ขานรับผู้บริโภคสังคมสูงวัย
“ไลอ้อน” ลุยขยายช่องทางจำหน่าย “กู๊ดเอจ” ผ่านโรงพยาบาล-ร้านขายยา เจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ผลักดันยอดขายปีนี้เติบโต 30%
ไลอ้อน ประเทศไทย เปิดกลยุทธ์การทำตลาดผลิตภัณฑ์แบรนด์ “กู๊ดเอจ” ล่าสุดจับมือโรงพยาบาลร้านขายยา ขยายช่องทางจำหน่ายเข้าถึงกลุ่มผู้สูงวัยมากขึ้น ให้ผลิตภัณฑ์เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการรักษามาสู่การป้องกัน เผยช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาแบรนด์กู๊ดเอจ (GoodAge) เติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในปีนี้จะเติบโตได้มากกว่า 30%
นายกัณฑชิต ศรัณย์บัณฑิต ผู้จัดการส่วนผลิตภัณฑ์ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า บริษัทยังคงให้ความสำคัญในการมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจพัฒนาสินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้บริโภคชาวไทย สังคม และสิ่งแวดล้อม
โดยช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ปลุกปั้นแบรนด์ “กู๊ดเอจ”(GoodAge) สินค้าเครื่องใช้จำเป็นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายผู้สูงวัยโดยเฉพาะ หรืออายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป โดยแนวทางการทำตลาดจะเน้นการผลิตและทำตลาดผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคลมากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับผู้บริโภคในแต่ละกลุ่ม แต่ละช่วงวัย เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคมีไลฟ์สไตล์เฉพาะบุคคล มีความต้องการที่แตกต่างกัน อีกทั้งสังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์
ล่าสุด ไลอ้อน ได้มีโอกาสขยายช่องทางการวางผลิตภัณฑ์กู๊ดเอจ เข้าสู่โรงพยาบาลชั้นนำ ได้แก่ โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ และโรงพยาบาลสมิติเวช เพราะตรงกับกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสุขภาวะวัยของผู้สูงอายุ เบื้องต้นได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี ลูกค้ามีการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เข้าไปจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้น
“หลังจากนี้มีแผนเพิ่มช่องทางโรงพยาบาลและร้านขายยาอย่างต่อเนื่อง”
นอกจากนี้ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และกระแสของโลกดิจิทัล บริษัทฯยังทำการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับแบรนด์หรือ Engagement ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก(Facebook) ไลน์(Line Official) เพื่อสื่อสารได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ควบคู่กับการทำกิจกรรม ณ จุดขาย เพื่อแนะนำสินค้า
ทั้งนี้ จากการทำตลาดต่อเนื่อง ส่งผลให้ช่วงครึ่งปีแรกกู๊ดเอจสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในสิ้นปี 2566 ยอดขายจะเติบโตมากกว่า 30%
“ไลอ้อน เรามุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสุขภาวะวัย ภายใต้แบรนด์กู๊ดเอจ โดยแนวคิดผลิตภัณฑ์นั้นถูกพัฒนาขึ้นเพื่อผู้สูงอายุเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะจุด เพื่อช่วยคลายกังวลและช่วยชะลอความเสื่อมของวัยที่เปลี่ยนแปลงไปตามอายุวัย โดยมุ่งหวังให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข ซึ่งความร่วมมือกับโรงพยาบาลและร้านขายยา เป็นการสอดรับกับกลยุทธ์การทำตลาดของแบรนด์ที่ต้องการทำตลาดเจาะกลุ่มผู้สูงวัย ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการรักษา มาสู่การเตรียมความพร้อมที่เป็นการป้องกัน โดยไลอ้อนได้มีการนำผลิตภัณฑ์กู๊ดเอจทำตลาด โดยทดลองแจกสินค้าตัวอย่าง ตามโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้จักว่าผลิตภัณฑ์เหมาะกับสุขภาวะวัยของผู้สูงอายุอย่างไร”
สำหรับแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หลังจากนี้ ยังคงมุ่งเน้นสินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาพและ ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทย ภายใต้ความร่วมมือกับทีมวิจัยทั้งภายในและภายนอก รวมถึงสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศหลากหลายแห่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านบรรจุภัณฑ์ให้กระทบกับสิ่งเเวดล้อมน้อยที่สุด เช่น ยาสีฟันไฮเดชั่น พลัส ที่ตัวหลอดทำจากหลอด EVOH สามารถรีไซเคิลได้ และ Soy Ink บนกล่องบรรจุภัณฑ์ พิมพ์ด้วยหมึกจากน้ำมันถั่วเหลือง, ฝา PLA ย่อยสลายได้ และผลิตภัณฑ์แปรงสีฟัน ทริปเปิ้ลล็อค รุ่น ไบโอ บรัช และ บีเลิฟ บรัช ด้ามแปรงผลิตจาก PLA Compound ที่สกัดจากพืช และสามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้มากกว่า 80% ภายใน 42 วัน เพื่อช่วยลดปัญหาโลกร้อน โดยใช้แปรงรักษ์โลก แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคต หรือแนวโน้มการเพิ่มกลุ่มสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับพันธสัญญาของบริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด คือ "นำความดีสู่สังคม สร้างสุขภาวะที่ดีสู่ผู้บริโภค" อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันกู๊ดเอจ มีสินค้า2 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ในช่องปาก(ออรัลแคร์) เช่น ยาสีฟัน แปรงสีฟัน และน้ำยาบ้วนปาก 2. กลุ่มสินค้าส่วนบุคคล(เพอร์ซันนัลแคร์) เช่น โฟมอาบน้ำ โลชั่น แชมพู และแป้งเนื้อโลชั่น ขณะที่ช่องทางการจัดจำหน่าย นอกจากช่องทางขายปกติ ซึ่งได้แก่ ร้านค้า Supermarket ทั่วประเทศ ร้านค้าสะดวกซื้อแล้ว รวมถึงเพิ่มช่องทางพิเศษ เช่น ร้านขายยาทั่วประเทศ และร้านในโรงพยาบาลต่าง ๆ และ Healthy & Wellness เช่น Chivit-D by SCG (ชีวิตดี บาย เอสซีจี) เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีความสะดวกในการซื้อมากขึ้น