กูรูชี้แลนด์สเคปการตลาดใหม่ พฤติกรรมลูกค้า มากกว่าข้อมูลคือ‘โอกาสธุรกิจ’

กูรูชี้แลนด์สเคปการตลาดใหม่ พฤติกรรมลูกค้า มากกว่าข้อมูลคือ‘โอกาสธุรกิจ’

YDM Thailand จับมือ STEPS Academy ร่วมถอดรหัส “Decoding the Blueprint for a Data-Driven Marketing Transformation” ฉายภาพการสร้างแลนด์สเคปใหม่ทางการตลาดเพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ๆ พร้อมอุปสรรคสำคัญที่แบรนด์ต้องแก้!

ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันแบรนด์ยังติดกับดัก! ไม่สามารถผลักดัน Marketing Transformation ให้สำเร็จได้ เพราะใช้ศักยภาพ “Data” ไม่เต็มประสิทธิภาพ ขณะที่ “Data-Driven Marketing” เป็นฟันเฟืองสำคัญของการสร้างแลนด์สเคปใหม่ด้านการตลาดและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ให้กับแบรนด์

จากการทำงานกับลูกค้ากว่า 200 บริษัท มีเพียง 10% เท่านั้นที่นำศักยภาพของ Data มาใช้เต็มประสิทธิภาพ ทำให้แบรนด์ต้องคิดใหม่ (Rethink) เกี่ยวกับ Data จะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคแค่นึกถึงสินค้าและบริการของแบรนด์ก็เด้งขึ้นมาทันที

ฉะนั้น การรู้จักพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างถ่องแท้คือสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ โดย 3 วิธีคิด  สำหรับแบรนด์ที่จะทำการตลาดได้โดนใจ กล่าวคือ 1.Data เป็นหัวใจของ Marketing แบบใหม่ ยิ่งในอนาคตอันใกล้มีการใช้ AI มาทำการตลาดมากขึ้น ซึ่ง AI จะทำงานได้ดี หาก Data ของแบรนด์ถูกจัดเก็บอย่างถูกต้อง

2.Data ที่จะขาดไม่ได้ในการจัดเก็บคือข้อมูลเชิงพฤติกรรม (Behavioral Data) ซึ่งแบรนด์ส่วนใหญ่เก็บ Data ในเชิง Profile ลูกค้า และ การซื้อขายสินค้า (Transactional Data) ซึ่งการเก็บข้อมูลพฤติกรรมที่ถูกต้องจะต้องเก็บทุกช่องทาง ทุก touch points เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย โฆษณาบนแพลตฟอร์มต่างๆ Chat Message CRM POS และ E-commerce ฯลฯ แล้วนำมารวมกันที่เดียวแล้วทำการระบุตัวให้ได้ว่าคนในแต่ละช่องทางนั้นเป็นคนเดียวกัน ซึ่งเทคโนโลยีปัจจุบันทำได้แล้ว

กูรูชี้แลนด์สเคปการตลาดใหม่ พฤติกรรมลูกค้า มากกว่าข้อมูลคือ‘โอกาสธุรกิจ’ 3.เมื่อรวบรวมข้อมูลได้จำนวนมากพอนำข้อมูลมาวิเคราะห์ จนคาดการณ์หรือพยากรณ์พฤติกรรมลูกค้ารายบุคคลได้ ทำให้แบรนด์ทำการตลาดตามความต้องการเฉพาะและทำการตลาดแบบอัตโนมัติ (Personalized and Automation Marketing)

ปัจจุบันหลายแบรนด์ไม่สามารถใช้ประสิทธิภาพของ “Data” ได้ครบวงจร โดย YDM แบ่งสายพันธุ์ขององค์กรและแบรนด์ในการทำ Marketing Transformation ไว้ 4 กลุ่ม คือ กลุ่มไดโนซอร์ (Dinosaur) เป็นองค์กรที่ทำการตลาดโดยไม่มี Data มีราว20% กลุ่มชิมแปนซี (Chimpanzee) เก็บข้อมูลไว้แต่ไม่ได้ใช้งานและเก็บข้อมูลแบบแยกส่วน มี 50% กลุ่มเซเปียนส์ (Sapiens) รวบรวมข้อมูลและนำมาทำ Personalized and Automation ได้บางส่วน มี 25% สุดท้าย โฮโมดีอุส (Homo Deus) เป็นเผ่าพันธุ์แห่งอนาคต นำ Data มาใช้สร้างยอดขายที่วัดผลได้ มีเพียง 5% 

กูรูชี้แลนด์สเคปการตลาดใหม่ พฤติกรรมลูกค้า มากกว่าข้อมูลคือ‘โอกาสธุรกิจ’ อย่างไรก็ดี กับดัก! ที่ส่งผลให้มีแบรนด์ในกลุ่มเซเปียนส์ และโฮโมดีอุส มีจำนวนน้อย เกิดจาก 3 ปัจจัยได้แก่ คน (People) เป็นเรื่องที่ยากที่สุด โดยเฉพาะทัศนคติ (Mindset) เปลี่ยนแปลงยากสุด เพราะยึดติดกับความสำเร็จในอดีตจนกลายเป็นสูตรสำเร็จ ไม่เปิดรับการทำการตลาดรูปแบบใหม่ ขณะที่วิธีการทำการตลาดยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เช่น การ Segmentation ตามพฤติกรรมย่อย "Know How" ไม่รู้ว่าต้องเก็บข้อมูล บางแบรนด์รู้ว่าต้องเก็บข้อมูล แต่ไม่สามารถเก็บได้ เพราะเก็บแยกส่วนแยกแผนก ไม่แบ่งปันข้อมูลข้ามแผนก ไม่จัดเก็บข้อมูลไว้กับแบรนด์ บางแบรนด์เก็บข้อมูลไว้แต่ไม่รู้ว่าต้องนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร

“เทคโนโลยี” แบรนด์ส่วนใหญ่พบปัญหามาร์เกตติ้งไม่เข้าใจเทคโนโลยีจนไม่สามารถประยุกต์ใช้เพิ่มศักยภาพงานตลาด ขณะที่บุคลากรด้านเทคโนโลยีก็ไม่เข้าใช้การตลาดและธุรกิจ จึงไม่สามารถเชื่อมโยงเทคโนโลยี หรือเครื่องมือ MarTech เพิ่มโอกาสธุรกิจได้

“แบรนด์จำเป็นต้องคิดใหม่ สิ่งสำคัญที่สุด คนต้องเปลี่ยนทัศนคติให้เปิดรับวิธีการทำการตลาดแบบใหม่ รู้จักเก็บและใช้ข้อมูล ปรับตัวให้ไวกับพฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยี สร้างคนที่มีเดต้าสกิล มาร์เกตติ้งสกิล ที่รู้จักใช้เทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาด เพื่อเพิ่มยอดขายและธุรกิจที่เติบโต”