‘เดอะมอลล์’ ชงรัฐดันไทยฮับทัวริสต์ หนุนเอกชนปั้นแหล่งท่องเที่ยวใหม่

ความท้าทายของประเทศไทยแม้จะขึ้นชื่อเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวระดับโลก แต่ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยส่วนใหญ่ยังอยู่ในรูปแบบเดิมๆ ไม่มีแม่เหล็กใหม่ๆ มาดึงดูดการท่องเที่ยว เป็นโจทย์สำคัญจะทำอย่างไรที่จะดึงกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวและใช้จ่ายในประเทศไทยอย่างยาวนานและใช้จ่ายจำนวนมากขึ้น

เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะขับเคลื่อนธุรกิจศูนย์การค้าไทยมายาวนานร่วม 42 ปี พร้อมสร้างไฮไลต์ศูนย์การค้า เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ ดิ เอ็มโพเรียม (EMPORIUM)  ดิ เอ็มควอเทียร์ (EMQUARTIER) และอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ เอ็มสเฟียร์ (EMSPHERE) และ “แบงค็อกมอลล์” (Bangkok Mall) บิ๊กโปรเจกต์ร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจไทย 

ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า แนวทางขับเคลื่อนประเทศไทย ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะการสร้างแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ หรือ Artificial Attraction เพื่อดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ๆ มาเยือน ทั้งในจังหวัดท่องเที่ยวหลักอย่างภูเก็ต และจังหวัดอื่นๆ

“อยากเห็นการจัดทำโครงการแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ยกตัวอย่าง สิงคโปร์ ประเทศที่มีขนาดเล็ก แต่สามารถสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ จำนวนมากในประเทศ ดึงดูดเข้ามาจำนวนมหาศาล และสร้างความสนุก รวมถึงอยากให้มีการขยายฟรีวีซ่าไปในประเทศอื่นๆ นอกจากจีน อย่างอินเดีย การดึงกลุ่ม F.I.T มาไทย ที่มีกำลังซื้อ รวมถึงประเทศไทยมีเทศกาลมากมาย และมีการจัดเฟสติวัลต่างๆ อยากให้รวมกันจัด ไม่ควรแยก เพื่อร่วมกระตุ้นการท่องเที่ยวปลายและการใช้จ่ายในช่วงปลายปีนี้”

นอกจากนี้ รัฐต้องสนับสนุนนโยบายเปิดวีซ่าฟรีขยายออกไปในหลายประเทศ รวมถึงการขยายจัดทำแหล่งท่องเที่ยวกลางคืน เอ็นเตอร์เทนเมนต์ต่างๆ กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเกิดการใช้จ่าย 

“ทั้งหมดนี้จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเมืองที่ไม่หลับใหล โดยเฉพาะเอ็นเทอร์เทนเมนต์ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วเกิดความสนุกสนาน เมื่อเกิดความสุขแล้วพร้อมใช้จ่ายเงินมากขึ้น”

สำหรับ เดอะมอลล์ มีการขยายโครงการขนาดใหญ่ต่อเนื่อง โดย  “เอ็มสเฟียร์”  ภายใต้โปรเจกต์ของ เอ็มดิสทริค ที่ประกอบไปด้วย เอ็มโพเรียม และ เอ็มควอเทียร์ นั้น เตรียมเปิดบริการ เอ็มสเฟียร์ วันที่ 1 ธ.ค. นี้ เป็นจิ๊กซอว์จะที่เข้ามาสร้างย่านธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่มีความครบวงจรทั้งที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า และเอ็นเตอร์เทนเมนต์  ร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ดึงดูดคนไทยและทั่วโลกให้เข้ามาเยือน

สำหรับ ภาพรวมศูนย์การค้า ทั้ง เอ็มโพเรียม และ เอ็มควอเทียร์ สร้างยอดขายได้เติบโตต่อเนื่อง ด้วยฐานกลุ่มลูกค้าหลักระดับกลางและระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง โดยกลุ่มเดอะมอลล์ มุ่งพัฒนาโครงการใหม่ต่อเนื่องในอนาคตมีโครงการที่กำลังพัฒนาอย่าง แบงค็อก มอลล์ ย่านบางนา และมีพื้นที่ในภูเก็ต ที่ยังไม่ได้พัฒนาโครงการ 

“เป็นการร่วมสร้างเครื่องยนต์ขับเคลื่อนประเทศ ทำให้ประเทศไทยเป็นฮับของเอเชียให้ได้ ก้าวสู่การเป็น เวิลด์คลาส เดสติเนชั่น ออฟ ทัวริสซึ่ม พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาใช้จ่ายในไทยมากขึ้น”

อีกแนวทางที่กลุ่มเดอะมอลล์ร่วมกระตุ้นการท่องเที่ยว นอกจากการเปิดโครงการศูนย์การค้าใหม่แล้ว ยังเดินหน้าผนึกกำลังเครือข่ายพันธมิตรเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้า ล่าสุด ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ จัดทำ บัตรเครดิตและเดบิต Bangkok Bank M Visa และ อีกหลายผลิตภัณฑ์ทางการเงินครบทุกรูปแบบ ตอบโจทย์นักช้อปที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลาย รวมทั้งกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเดินทาง ตั้งเป้าฐานลูกค้า 1.5 ล้านใบ ใน 5 ปี และวางเป้าหมายระยะยาว จะมีจำนวนถึง 2 ล้านใบ

“ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการสร้างตำนานยุคใหม่ สร้างความมั่นคง แข็งแรงของพันธมิตรร่วมกัน ยกระดับประสบการณ์ใช้จ่ายของกลุ่มลูกค้าคนไทย ขยายไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ และขยายไปสู่การชอปปิงไปในต่างประเทศ”

เดอะมอลล์ ดำเนินธุรกิจศูนย์การค้ามาร่วม 42 ปี ธนาคารกรุงเทพมากกว่า 80 ปี ซึ่งกลุ่มเดอะมอลล์ ใกล้ชิดกับธนาคารกรุงเทพ มายาวนานตั้งแต่การให้สินเชื่อวงเงิน 350 ล้านบาท ก่อสร้างศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ท่าพระ แม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวครอบครัวมีวงเงินลงทุน 35 ล้านบาท หลังจากนั้น ได้ให้สินเชื่อการลงทุนศูนย์การค้าต่อเนื่องไปในสาขาอื่นๆ ทั้ง เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน บางกะปิ บางแค เอ็มโพเรียม สยามพารากอน และ ในโครงการ เอ็มดิสทริค พร้อมดูแลร้านค้าที่อยู่ในกลุ่มเดอะมอลล์กว่า 1,000 ร้านค้าด้วย ทำให้กลุ่มเดอะมอลล์ สร้างธุรกิจเติบโตมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ สนับสนุนการทำโครงการเอ็มโพเรียม สร้างการเติบโตต่อเนื่องทุกปีกว่า 30% ไปจนถึงสนับสนุนการพัฒนา “สยามพารากอน” ศูนย์การค้าขนาดใหญ่พื้นที่กว่า 5 แสนตร.ม.

ปัจจุบัน กลุ่มเดอะมอลล์ มีฐานลูกค้าสมาชิก บัตร M Card รวม 5.3 ล้านราย และลูกค้ากว่า 50% ชำระผ่าน Digital payment