มหากาพย์ศึกสายเลือด! ‘ณรงค์เดช’ ชนวนซื้อขายหุ้น “วินด์ เอนเนอร์ยี่”
ต้นปี 2567 จะครบ 7 ปีของปมปัญหาความร้าวฉานของ 3 พี่น้อง “ณรงค์เดช” ที่เคยเป็นเสมือน 3 ทหารเสือของบ้าน ได้แก่ “กฤษณ์-ณพ-กรณ์” เหตุจากการซื้อขายหุ้นร้อนในอดีตอย่าง “วินด์ เอนเนอร์ยี่”
- 7 ปีรอยร้าว “ณรงค์เดช”
“วินด์ เอนเนอร์ยี่” เคยเป็นกิจการดาวรุ่งพุ่งแรงในสายตานักลงทุน รวมถึงกิจการกงสีอย่างกลุ่ม “เคพีเอ็น” ของตระกูล “ณรงค์เดช” ด้วย เวลานั้น “ณพ” จึงขอความช่วยเหลือจากครอบครัวเพื่อนำเงินและทรัพย์สินไปซื้อหุ้นดังกล่าว ทว่า หลังจากนั้นไม่มีการรายงานให้กับครอบครัวณรงค์เดชรับทราบ ซ้ำร้ายกว่านั้นยังมีหมายศาลร่อนถึงบ้าน เมื่อ “นพพร ศุภพิพัฒน์” และ 3 บริษัทของตนเอง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “ณพ” และพวกอีก 13 คน โดยมีชื่อของ “พ่อ-พี่-น้องชาย” คือ “เกษม-กฤษณ์-กรณ์” พ่วงไปด้วย
ปัญหายังมีมากขึ้นเมื่อ เมื่อการทำนิติกรรมบางประการ โดยเฉพาะ “การปลอมลายเซ็นนายเกษม ณรงค์เดช” ผู้เป็นบิดา เพื่อเป็นตัวแทนคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ในการซื้อขาย โอนหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี่ ฯ และการโอนหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี่ ไปให้ บริษัท โกลเด้น มิวสิค ซึ่งตั้งอยู่ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง
อ่าน คำพิพากษาลายเซ็น "เกษม ณรงค์เดช"
ทันทีปรากฏประเด็นร้อนดังกล่าว “เกษม” กล่าวกับบุตรชาย 2 คนคือ “กฤษณ์-กรณ์” ว่า..นี่ไม่ใช่ลายเซ็นพ่อ และยังผลให้เกิดการ “ตัดขาด” กับ “ณพ” บุตรชายคนกลางตามมาภายหลัง
- พ่อได้รับความเป็นธรรม
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2566 สองทายาท “ณรงค์เดช” นำโดย “กฤษณ์” และ “กรณ์" พร้อมทนายความ "พิชา ป้อมค่าย" ชี้แจงภายหลังศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งพิพากษา เกี่ยวกับเอกสาร 5 ฉบับ เป็นลายเซ็นปลอม ดังนี้
1) สัญญาซื้อขายหุ้นวินด์ ที่นายเกษม ทำกับบริษัท เคพีเอ็น เอนเนอยี (ประเทศไทย) จำกัด
2) หนังสือแต่งตั้งตัวแทน ที่นายเกษม รับเป็นตัวแทนของคุณหญิงกอแก้วในการซื้อหุ้นวินด์
3) ตราสารการโอนหุ้น ที่นายเกษม โอนหุ้นของบริษัทโกลเด้นมิวสิค ให้แก่คุณหญิงกอแก้ว
4) ใบซื้อขายหุ้น ที่นายเกษม ขายหุ้นบริษัทโกลเด้นมิวสิค ให้แก่คุณหญิงกอแก้ว
5) คำประกาศเจตนารมณ์ในการเป็นทรัสต์ ที่นายเกษมประกาศว่า หุ้นบริษัทโกลเด้นมิวสิคเป็นของคุณหญิงกอแก้ว และผลประโยชน์ใดๆที่เกิดขึ้นจากหุ้นต้องตกเป็นของคุณหญิงกอแก้ว
หลังคำพิพากษาดังกล่าว “กรณ์ ณรงค์เดช” กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของของความสบายใจมากขึ้น เพราะเรื่องราวที่เกิดกับครอวครัว ต้นปีหน้าจะครบ 7 ปี เป็นเรื่องราวที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะเรื่องที่เกิดนำความทุกข์ใจมาให้ครอบครัวอย่างมาก
“เรื่องนี้ไม่เคยเกิด และไม่ควรเกิดขึ้นเด็ดขาด(ศึกสายเลือด) หัวใจของเรื่องนี้คือเรื่องลายเซ็นคุณพ่อ(เกษม) ซึ่งในที่สุดความจริงก็ถูกเปิดเผยว่า คุณพ่อโดนปลอมลายเซ็น จริงๆแล้วขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรมของไทยด้วย ในที่สุดคุณพ่อได้พิสูจน์แล้ว” กฤษณ์ ณรงค์เดช กล่าวย้ำ
ขณะที่ทนายประจำครอบครัวณรงค์เดชอย่าง “พิชา ป้อมค่าย" กล่าวว่า คดีการปลอมลายเซ็นเป็นหัวใจสำคัญสุด เนื่องจากเกี่ยวโยงกับการซื้อขายหุ้น ทรัพย์สินทั้งนั้น ซึ่งการโอนหุ้นเป็นคดีทางแพ่ง แต่เมื่อคดีอาญาบอกว่าเอกสารดังกล่าวเป็นลายเซ็นปลอม จะส่งผลให้นิติกรรมทั้งหลายเป็น “โมฆะ” และส่งผลต่อคดีแพ่งนั่นเอง
- ทำธุรกิจต้องซื่อสัตย์ คำสอนจากพ่อแม่
“ณรงค์เดช” ถือเป็นหนึ่งตระกูลนักธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทย และคร่ำหวอดในอุตสาหกรรมยานยนต์จากรุ่นสู่รุ่น แต่ปัญหาความขัดแย้ง หรือศึกสายเลือด กลับมีขึ้นเป็นลำดับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผ่านมาแล้ว 3 เจนเนอเรชั่น
“เราเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 แล้วในการทำธุรกิจครอบครัว ตั้งแต่เกิดเรื่องมา สงสารคุณพ่อสุดหัวใจ ปัจจุบันคุณพ่ออายุ 88 ปีแล้ว ตอนเกิดเรื่องคุณพ่อ 82 ปี” กรณ์ เล่าและขยายความว่า พลันที่เกิดเรื่องราว “ปลอมลายเซ็นปลอมเอกสาร” ขึ้นมา ทั้งการโอนหุ้นทั้งหมดไปให้คุณหญิงกอแก้ว ครั้งแรกที่เห็นเอกสาร คำพูดแรกที่พ่อพูดกับลูกทั้ง 2 (กฤษณ์-กรณ์)คืออันนี้ไม่ใช่ลายเซ็นพ่อ เมื่อผลพิสูจน์ คำพิพากษาออกมา จึงรู้สึกสบายใจ
Cr. IG : kornnarongdej
“ดีใจที่คุณพ่อได้รับความเป็นธรรม เพราะสิ่งที่คุณพ่อพูดมาตลอด 5-6 ปี คือคุณพ่อโดนปลอมลายเซ็น เป็นความจริงที่คุณพ่อพูดมาตลอด”
กรณ์ เล่าอีกว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมาในฐานะลูก พ่อแม่ให้โอกาสหลายอย่างทั้งให้มีการศึกษาที่ดี มีชีวิตที่ดี และสอนการทำธุรกิจด้วย
“พ่อแม่จะสอนเรามาตลอดว่าในการทำธุรกิจจะต้องทำด้วยความซื่อสัตย์”
- ถ้าแม่อยู่เรื่องนี้(ศึกสายเลือด)ไม่มีทางเกิด
กฤษณ์ เล่าว่า คุณแม่(คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช ฉายาหญิงเหล็ก และผู้ก่อตั้งเคพีเอ็น กรุ๊ป) เสียชีวิตไป 10 ปีแล้ว รอยร้าวครอบครัวของ 3 พี่น้องและพ่อเกิดเกือบ 7 ปี หากแม่อยู่เรื่องนี้จะไม่เกิด ไม่มีทางเกิด!
“คุณแม่ไม่ใช่แค่เป็นหญิงเหล็กเท่านั้น แต่การเลี้ยงดู แม่พูดคำเดียว ลูกหยุดหมด..คำเดียว จบในทีเดียว ผมใช้คำว่าในทีเดียว” กฤษณ์ ย้ำและขยายความว่า “เรารักและบูชาคุณแม่มาก เหมือนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าคำไหนต้องคำนั้น ไม่มีคำถามเด็ดขาด ลูกทั้ง 3 คนเลยนะ”
“ที่บ้านไม่เคยตีนะ พูดคุยด้วยเหตุผล ทุกคนอยู่ด้วยความรัก” กรณ์ กล่าวเสริม
Cr. IG:kornnarongdej
กิจการกงสีมีปัญหา ทำให้การขับเคลื่อนอาณาจักรเคพีเอ็น กรุ๊ปวันนี้ กฤษณ์ ยืนยันว่ามีเพียง 2 ทายาทเท่านั้น “ก็เห็นอยู่แค่นี้ครับ”
ด้านความเสียหายที่เกิดกับกิจการครอบครัว แม้จะไม่เผยตัวเลข หากย้อนถึงการนำเงินและทรัพย์สินครอบครัวเพื่อไปซื้อหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยีฯ ถือว่ามีจำนวนมหาศาล
“ความเสียหายทางธุรกิจครอบครัว กระทบแน่ แต่ความเสียหายที่วัดไม่ได้คือความช้ำใจของคุณพ่อ เรา 2 คนอยู่บ้านเดียวกับคุณพ่อ สงสารคุณพ่อมากจริงๆ คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงลูกมา 3 คนไม่เคยมีเรื่องมีราวเลย ตอนเกิดเรื่อง คุณพ่อมีการเรียกณพมาหลายหน ก็ไม่ยอม”
- ‘ธรรมนูญครอบครัว’ กฎเหล็กป้องประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
เลือดข้นคนจาง อาจสะท้อนความสัมพันธ์ทางสายเลือดของ 3 พี่น้องณรงค์เดช ทว่าเมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้น ทำให้ความจืดจางห่างเหินเกิดขึ้น ปล่อยไว้นานยิ่งยากเยียวยาหาทางประสานเป็นเหมือนเดิม
เมื่อเกิดแล้ว ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพยายามหาทางพูดคุย ไกล่เกลี่ย ประนีประนอม เพื่อให้มีทางออก แต่ยังไม่สัมฤทธิ์ผล และบทเรียนทำให้ต้องมีการเขียน “ธรรมนูญครอบครัว” เพื่อป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
“ตระกูลผมเองมีการคุยกับคุณพ่อและกรณ์ เรื่องนี้จะไม่ให้เกิดขึ้นอีกในเจนเนอเรชั่นต่อไป” กฤษณ์ กล่าว เพราะมองว่ายุคสมัยเปลี่ยน กฎเหล็กเพียงจาก “วาจา” ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์ในการบังคับให้คนในครอบครัวปฏิบัติตาม
“คนนั่งพูดกับนอนพูดกันมันต่างกัน มันเป็นเรื่องจริง” กฤษณ์ หยิบวรรคทองชวนคิด พร้อมย้ำว่าธุรกิจกงสีไม่ควรมีปัญหาเลย เพราะเป็นเรื่องธุรกิจที่ซื้อมาในนามครอบครัว(ครอบครัวให้เงินไปซื้อหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี่) ไม่ควรมีปัญหาด้านกฎหมาย และหวังว่าจะจบด้วยดี เพราะหลังพิสูจน์แล้วว่าพ่อถูกปลอมลายเซ็น และ “ธุรกิจครอบครัว” ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลของแม่ยาย(คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา)ของคุณณพเลย
“เอกสารระบุว่าคุณพ่อเป็นตัวแทนให้คุณหญิงกอแก้ว ในสัญญายังระบุด้วยว่าคุณพ่อจะไม่ได้รับค่าตอบแทน และต้องทำตามคำสั่ง ทางธุรกิจไม่ Makes sense และพ่อไม่เคยเซ็นด้วย ไม่ต้องเชี่ยวชาญก็บอกได้ ธุรกิจเรายกให้ลูกหลานยังเข้าใจ แต่ให้แม่ยาย ไม่มีใครทำกัน” กรณ์ กล่าวเสริม
กฤษณ์ เล่าว่า ที่ผ่านมาครอบครัวณรงค์เดช มีการกล่าวทางวาจาถึงแนวทางการทำธุรกิจ ข้อห้ามข้อปฏิบัติไหนที่ควรทำ รวมถึงคนนอกอย่าง “เขย-สะใภ้” กิจการใด อะไรที่แตะต้องได้หรือไม่ได้ อย่างกิจการ “หมื่นล้านบาท” ของเคพีเอ็น กรุ๊ป อดีตแบ่งเป็น 3 กลุ่มสำคัญให้กับทั้ง 3 ทายาทดูแล
อ่าน 'เคพีเอ็น กรุ๊ป' อาณาจักรหมื่นล้าน
นอกจากทำงานบนความ “ไว้วางใจ” ซึ่งกันและกัน เกือบทุกเที่ยง หรือราว 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ทั้ง 3 คน จะทานมื้อกลางวันด้วยกันเป็นประจำด้วย
“เราไม่เคยไปยุ่งงานกันนะ เพราะไว้วางใจ น้องชายด้วย เรารักก็ให้ดูธุรกิจกันไป” กฤษณ์ ย้ำ
อย่างไรก็ตาม ศึกสายเลือดครั้งนี้ ถือเป็นประสบการณ์และบทเรียนที่ “เจ็บปวด” อย่างมาก สิ่งที่ 2 ทายาทพยายามสะสางคือทำทุกอย่างเพื่อพ่อ และน่าจะเป็นสิ่งที่คุณหญิงพรทิพย์ต้องการมากที่สุด
กิจการกงสีที่ผูกปมผลประโยชน์และเม็ดเงิน ทรัพย์สินมหาศาล ยังไม่จบง่ายๆ แม้คำพิพากษาของศาลเกี่ยวกับ “ลายเซ็นปลอม” เป็นจุดเริ่มต้น แต่กระบวนการทางกฎหมายยังต้องเดินหน้าต่อไปจากทั้ง 2 ฝ่าย ความขัดแย้งนี้ “ทนายพิชา” ทิ้งท้ายเพียงว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดเปลี่ยน และหวังว่าจะมีจังหวะ โอกาสเจรจาหรือประนีประนอมยอมความกัน พร้อมเปรียบปมปัญหาเหมือนสงคราม
“สงคราม หากไม่เจรจาคุยกัน ก็ย่อยยับทั้งสองฝ่าย ทุกสงครามต้องเจรจาหาทางยุติ"