ททท. มั่นใจปี 66 ตัวเลขนักท่องเที่ยว 25 - 30 ล้านคนตามเป้า

ททท. มั่นใจปี 66 ตัวเลขนักท่องเที่ยว 25 - 30 ล้านคนตามเป้า

ททท.มั่นใจปีนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยว 25 - 30 ล้านคนตามเป้าหลังพบตลาดหลักจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมา 60-70% พร้อมชงรัฐผลักดันนโยบายการท่องเที่ยวยั่งยืน และการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง (Ease of Traveling)

นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย( ททท.) กล่าวในหัวข้อ “พลังเอกชน ปักธง Thailand…Global Destination ดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก เคลื่อนเศรษฐกิจไทย“ ในงานสัมมนา “Thailand Economic Outlook 2024: Change the Future Today” จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ วันนี้(4 ต.ค.66)ว่า  ตั้งแต่โควิดที่ผ่านมา การท่องเที่ยวผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะมากจากในปี 2562 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากสุดถึง 40 ล้านคนรวมทั้งรายได้ ในปี 2563 สตาร์ตช่วง 2-3 เดือนดี แต่พอเกิดโควิดทุกอย่างหยุดหมด! จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงเหลือ 6.7 ล้านคน และลดลงต่ำมากที่สุดในปี 2564 จำนวนนักท่องเที่ยวเหลือแค่ 4 แสนคน!! เพราะทั่วโลกหยุดการเดินทางทั้งหมด 
  
ถัดมาในปี 2565 โลกเริ่มฟื้นตัวเริ่มมีการเปิดการท่องเที่ยวในจังหวัดสำคัญๆ เกิดโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ , สมุยพลัสโมเดล ซึ่งเป็นโมเดลนำร่องการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศในหัวเมืองสำคัญส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจนปัจจุบัน คาดปีนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ตั้งเป้าไว้ 25-30 ล้านคน นั้นมีแนวโน้มได้ตามเป้าหมาย แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะยังไม่กลับมาก่อนโควิดแต่ในตลาดหลักจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมา 60-70%
 

สำหรับนักท่องเที่ยว 5 อันดับแรก ที่เข้ามาประเทศไทย อันดับหนึ่งคือ มาเลเซียมีจำนวน 3 ล้านคน อันดับสองจีนมีจำนวน 2 ล้านคน หลังจากปิดประเทศมานาน อันดับสามเกาหลีใต้ มีจำนวนกว่า 1 ล้านคน อันดับสี่อินเดีย มีจำนวน 1 ล้านคน และอันดับห้ารัสเซีย ซึ่งเข้ามาทั้งปีจากเดิมที่มาเฉพาะหน้าหนาว สะท้อนให้เห็นความหลากหลายของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย

นายฉัททันต์   กล่าวต่อว่า  ปัจจุบันการท่องเที่ยวยั่งยืนถือเป็นหัวใจสำคัญ "ไม่ใช่" เป็นสิ่งที่ควรจะทำ แต่เป็นสิ่งที่ "ต้องทำ" แต่ความยั่งยืนไม่สามารถทำด้วยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่ต้องร่วมกันทั้งคนดูแลพื้นที่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ต้องมีความเข้าใจ มีความตั้งใจ ที่จะทำให้สิ่งที่มีอยู่เกิดความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโลว์คาร์บอน การจัดการขยะ การจัดการน้ำ ฯลฯ ทุกอย่างต้องไปด้วยกัน และคนที่ทำจะต้องใส่ใจและมุ่งมั่น
 

ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันนักท่องเที่ยวมีความคาดหวัง และต้องการท่องเที่ยวยั่งยืน รวมทั้งวิธีการบริหารจัดการจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ ซึ่งนโยบายการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง (Ease of Traveling) ถือเป็นสิ่งที่ดี และควรทำต่อเนื่อง

โดยล่าสุดทางรัฐบาลได้ออกมาตรการยกเว้นวีซ่า ให้กับนักท่องเที่ยวจีน และคาซัคสถานเป็นสิ่งที่ดี  รวมทั้งการบริการจัดการ การเดินทางแหล่งท่องเที่ยวจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะถ้าการเดินทางตามแหล่งท่องเที่ยวไม่สะดวกจะเกิดการ "กระจุกตัว" ของนักท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ทำให้เกิดปัญหา เช่น การจราจรแย่ เกิดปัญหาขยะ ฯลฯ ทำให้นักท่องเที่ยวหนีไปที่อื่น ดังนั้น 2 นโยบายสำคัญที่รัฐควรผลักดันคือ เรื่องการท่องเที่ยวยั่งยืน และการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง(Ease of Traveling) 
 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์