โรงแรมไทย 80% ยังไม่ฟื้นเต็มร้อย! ลุ้นวีซ่าฟรี ‘จีนเที่ยวไทย’ ดึงทัวริสต์

โรงแรมไทย 80% ยังไม่ฟื้นเต็มร้อย! ลุ้นวีซ่าฟรี ‘จีนเที่ยวไทย’ ดึงทัวริสต์

“ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม เดือน ส.ค. 2566” จัดทำโดย สมาคมโรงแรมไทย และธนาคารแห่งประเทศไทย สำรวจระหว่างวันที่ 10-28 ส.ค. จากผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 86 แห่ง พบว่าปัจจุบัน “รายได้ของธุรกิจโรงแรม” เกือบ 80% ยังไม่ฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับก่อนโควิด-19 ระบาด!

มาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า โรงแรมส่วนใหญ่ 22% คาดว่ารายได้รวมของธุรกิจจะกลับเข้าสู่ระดับก่อนโควิด-19 ได้ในช่วงไตรมาส 4/2566 ขณะที่สัดส่วน 22% เช่นกันคาดว่าจะกลับมาได้ในช่วงไตรมาส 4/2567 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือ “ไฮซีซัน” เหมือนกัน แต่ต่างกันคือต้องรอถึงไฮซีซันปีหน้า รองลงมาสัดส่วน 11% คาดว่าจะกลับมาได้ในช่วงไตรมาส 1/2567 ส่วนอีก 5% คาดว่าจะกลับมาได้ในช่วงไตรมาส 2/2567 และอีก 10% คาดว่าจะกลับมาได้ในช่วงไตรมาส 3/2567

“สำหรับโรงแรม 23% มีรายได้เท่ากับหรือมากกว่าช่วงโควิด -19 แล้ว ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป และอยู่ในภาคกลางและภาคใต้ ขณะที่โรงแรมอีก 7% ที่คาดว่ารายได้ไม่สามารถกลับไปสู่ระดับเดิมได้ ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมน้อยกว่า 3 ดาวและอยู่ในภาคเหนือและภาคตะวันออก”

ด้านคาดการณ์ “อัตราการเข้าพัก” เดือน ก.ย. อยู่ที่ 48.9% ลดลงจากอัตราการเข้าพักเดือน ส.ค. เฉลี่ยอยู่ที่ 58% ทรงตัวจากเดือน ก.ค. ตามการเข้าพักของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติที่ยังมีต่อเนื่อง โดยลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่ยังเป็นชาวเอเชียและตะวันออกกลาง จากการปิดภาคเรียนและวันหยุดในบางประเทศ รวมถึงวันหยุดระยะสั้นช่วงวันแม่ของไทย

เมื่อเจาะอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเดือน ส.ค. 2566 เป็นรายภูมิภาค พบว่าภาคเหนือมี 43.6% เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค. ซึ่งอยู่ที่ 39.6% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 40% เท่ากับเดือนก่อน ด้านภาคตะวันออก 61.3% ลดลงจากเดือนก่อนที่มี 68% ส่วนภาคกลาง 69.5% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่มี 66.2% และภาคใต้ 55.5% ลดลงจากเดือนก่อนที่มี 58%

มาริสา เล่าเพิ่มเติมว่า ผลสำรวจดังกล่าวระบุถึง “มาตรการช่วยเหลือ” ที่ผู้ประกอบการต้องการจากภาครัฐ โดยโรงแรมส่วนใหญ่ต้องการให้มี ดังนี้ 

1.มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ต่อเนื่อง เช่น มาตรการเราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงมาตรการที่ดึงดูดตลาดที่มีกำลังซื้อสูงและนักท่องเที่ยวจีน นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังอยากให้มี “การปรับกระบวนการขอวีซ่า” ให้กับนักท่องเที่ยวที่รวดเร็วขึ้น และดูแล “ราคาตั๋วเครื่องบิน” ให้อยู่ในระดับที่แข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้

2.มาตรการช่วยเหลือด้านการลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า และลดภาษีต่างๆ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ

3.มาตรการด้านแรงงาน เช่น การอบรมและพัฒนาแรงงานในธุรกิจโรงแรม และกำหนดค่าจ้างแรงงานให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

4.มาตรการด้านการเงิน โดยมีมาตรการพักชำระหนี้สำหรับผู้ประกอบการรายเล็กมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าที่เข้าพักโรงแรมขนาดเล็กและขนาดกลางยังกลับมาไม่เป็นปกติจนทำให้ธุรกิจมีรายได้เพียงพอต่อการชำระหนี้ ประกอบกับต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้นทำให้ธุรกิจเหล่านี้มีกระแสเงินสดไม่เพียงพอ นอกจากนี้ อยากให้มีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ สินเชื่อรีไฟแนนซ์ (Refinance) สำหรับธุรกิจโรงแรมแบบไม่มีเงื่อนไข (ยกเว้นธุรกิจที่ติดเครดิตบูโร) เพื่อการปรับปรุงโรงแรม และเสริมสภาพคล่องในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ขาขึ้น

สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การเพิ่มรายได้ของ “อุตสาหกรรมท่องเที่ยว” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย ถือเป็น “นโยบายเร่งด่วน” ของรัฐบาล เห็นได้จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2566 มีมติเห็นชอบมาตรการยกเว้นการขอวีซ่า หรือ “วีซ่า-ฟรี” (Visa-Free) แก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน เป็นการชั่วคราว 5 เดือน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 - 29 ก.พ. 2567 ครอบคลุมช่วงไฮซีซัน และโกลเด้นวีค (Golden Week) ช่วงหยุดยาวสำคัญ 3 ช่วงของ “นักท่องเที่ยวจีน” ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของประเทศไทย ได้แก่ วันชาติจีน (1 ต.ค.) เทศกาลปีใหม่ และเทศกาลตรุษจีน

ทั้งนี้เชื่อมั่นว่ามาตรการวีซ่า-ฟรี จะเป็น “แรงส่ง” ช่วยพลิกฟื้นการเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาอีกครั้ง โดยคาดการณ์ว่าตลอดช่วงระยะเวลา 5 เดือนที่มีการใช้มาตรการวีซ่า-ฟรี จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยประมาณ 1,912,000 - 2,888,500 คน ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการฟื้นตัวเมื่อเทียบกับปี 2562 จะอยู่ที่ประมาณ 41-62% สร้างรายได้เข้าประเทศ 92,583 – 140,313 ล้านบาท

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเสริมว่า ถ้าไม่มีมาตรการวีซ่า-ฟรี ททท.คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยตลอดปี 2566 จำนวน 3,470,430 คน ซึ่งคิดเป็นการฟื้นตัว 31% สร้างรายได้ 174,358 ล้านบาท

แต่เมื่อมีมาตรการวีซ่า-ฟรีเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญช่วยกระตุ้นตลาด จะทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยจำนวน 4.04 - 4.4 ล้านคน และมุ่งสู่เป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ 257,500 ล้านบาทในปี 2566 เนื่องจากเป็น “การอำนวยความสะดวกในการเดินทาง” (Ease of Traveling) นักท่องเที่ยวไม่ต้องใช้ระยะเวลาในการขอวีซ่าและเสียค่าธรรมเนียมวีซ่า จะส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 1-8 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นช่วงโกลเด้นวีคที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมออกเดินทางท่องเที่ยว