‘เศรษฐา’ อัดยาแรง วีซ่าฟรี ‘จีน’ ดีเดย์ 25 ก.ย. 66 ยาว 5 เดือน ปลุกท่องเที่ยวไทย

Key Points:

• นายกฯ "เศรษฐา ทวีสิน" เตรียมประชุม ครม.นัดแรกวันที่ 13 ก.ย. 2566 เตรียมเสนอมาตรการยาแรง "วีซ่า-ฟรี" (ยกเว้นวีซ่า) เดินทางเข้าไทยโดยไม่ต้องขอวีซ่า ดึงนักท่องเที่ยวจีน-คาซัคสถาน เป็นการชั่วคราว เริ่มวันที่ 25 ก.ย. 2566 นาน 5 เดือน ถึง ก.พ. 2567 ครอบคลุม "โกลเด้นวีค" หรือช่วงหยุดยาวสำคัญของตลาดจีน 2 ช่วง นั่นคือ วันชาติจีน (1 ต.ค.) และเทศกาลตรุษจีนในเดือน ก.พ.ปีหน้า
• เมื่อ "ภาคการท่องเที่ยว" คือกุญแจดอกแรกกระตุ้นเศรษฐกิจไทยแบบควิกวิน นายกฯ เศรษฐา จึงเดินเกมรุก สั่งทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวจ่อทะลักไทย
• ภาคเอกชนท่องเที่ยวใจฟู "แอตต้า" ชี้ทัวริสต์จีนมีแนวโน้มคึกคักตั้งแต่เดือน ต.ค. 2566 จี้รัฐบาลใหม่เร่งฟื้นความเชื่อมั่น แก้ไขความเข้าใจผิดข่าวลือเชิงลบ ด้าน "กัปตันพุฒิพงศ์" บิ๊กบางกอกแอร์เวย์ส มองท่องเที่ยวรับบท "Instant Win" ของเศรษฐกิจไทย

 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีกำหนดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกอย่างเป็นทางการวันนี้ (13 ก.ย.) โดยจะมีการพิจารณาวาระเร่งด่วนของรัฐบาลเพื่อดูแลประชาชน รวมทั้งจะมีการพิจารณามาตรการฟื้นฟูการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีมาตรการ “วีซ่า-ฟรี” (Visa-Free) เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น โดยจะให้นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานไม่ต้องขอวีซ่าเพื่ออำนวยความสะดวกให้เข้ามาท่องเที่ยวไทยมากขึ้น โดยจะเริ่มต้นเร็วที่สุดภายในเดือน ก.ย. 2566 และสิ้นสุดเดือน ก.พ. 2567

นายเศรษฐา ได้เป็นประธานการประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยว โดยสั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคงทำงานเชิงรุกเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งคนไทยเพื่อรองรับการบริหารสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวตามที่คาดการณ์ว่าภายหลังจากการอนุญาตชั่วคราวให้ชาวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยแบบไม่ต้องขอวีซ่าไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมจะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยในตลาดจีนจนมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าไทยจำนวนมาก

โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่าขอให้ทุกหน่วยงานสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลให้ความสำคัญโดยเห็นแก่ความเดือดร้อนปากท้องประชาชนเป็นสำคัญเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินพัฒนาเศรษฐกิจประเทศกระจายรายได้

ดีเดย์ 'วีซ่า-ฟรี' ตลาดจีน-คาซัคสถาน เริ่ม 25 ก.ย. ถึงปลายเดือน ก.พ.67

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า วานนี้ (12 ก.ย.) นายเศรษฐา นายกฯ ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐและเอกชนท่องเที่ยว อาทิ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รวมถึงแอตต้า เกี่ยวกับการออกมาตรการวีซ่า-ฟรี เป็นการชั่วคราวแก่ประเทศเป้าหมาย 2 ประเทศ ได้แก่ จีน และคาซัคสถาน

โดยทางรัฐบาลเตรียมประกาศใช้มาตรการดังกล่าว เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 เป็นต้นไป ระยะเวลานาน 5 เดือน จนถึงปลายเดือน ก.พ. 2567 ซึ่งจะครอบคลุมโกลเด้นวีคหรือช่วงหยุดยาวสำคัญ 2 ช่วงของชาวจีน ได้แก่ ช่วงหยุดยาววันชาติจีน (1 ต.ค.) และเทศกาลตรุษจีนในปีหน้า ซึ่งตลาดนักท่องเที่ยวจีนเคยมีจำนวนเดินทางเข้าประเทศไทยมากถึง 11 ล้านคน สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด

ส่วนนักท่องเที่ยวคาซัคสถาน เป็นอีกตลาดที่มีศักยภาพ แม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่อปีจะอยู่ระดับหมื่นคน แต่ปัจจุบันมีดีมานด์เดินทางเข้า จ.ภูเก็ต มากขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์)

“นับเป็นข่าวดีอย่างมาก ที่นายกฯ เศรษฐาจะเริ่มประกาศใช้มาตรการวีซ่า-ฟรีแก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน มีผลตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.นี้ ซึ่งเร็วขึ้นกว่าไทม์ไลน์เดิมที่นายกฯ เคยระบุว่าน่าจะเริ่มได้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้”

 

คาด ‘จีนเที่ยวไทย’ ปี 66 ไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคน

เมื่อรัฐบาลเตรียมประกาศใช้มาตรการดังกล่าว แอตต้าคาดว่าจะช่วยจุดความสนใจและเร่งการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวจีนในการเดินทางมาไทยให้คึกคักมากขึ้นตั้งแต่เดือน ต.ค.นี้ เพราะเป็นมาตรการยาแรง แค่ถือพาสปอร์ตเล่มเดียวก็เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยได้เลย ไม่ต้องขอวีซ่า

อย่างไรก็ตาม ยังมีโจทย์ท้าทายที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขความเข้าใจผิดของชาวจีนที่มีต่อประเทศไทย หลังมีการกระจายข่าวลือเชิงลบในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ TikTok ว่าเป็นประเทศที่ไม่ปลอดภัย มีการลักพาตัวนำไปเรียกค่าไถ่ และนำไปขายอวัยวะ

“รัฐบาลต้องเร่งเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนกลับมา ว่าประเทศไทยเที่ยวสะดวกและปลอดภัย เพราะถ้ามีความเชื่อมั่น แม้จะมีเงินหรือไม่มีเงิน คนก็ยังมา แต่ถ้าไม่มีความเชื่อมั่น ยังไงก็ไม่มา”

สำหรับแนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยตลอดปี 2566 ว่า แอตต้าประเมินว่าอาจจะได้ 4 - 4.5 ล้านคน ถือว่าน่าพอใจแล้ว แม้ไปไม่ถึงเป้าหมาย 5 ล้านคนก็ตาม เพราะจากสถิตินักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยในช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ของปีนี้ มีจำนวนสะสม 2.2 ล้านคนเท่านั้น ถ้าในช่วง 4 เดือนสุดท้ายสามารถผลักดันยอดได้อีกกว่า 2 ล้านคน หรือเฉลี่ย 7 แสนคนต่อเดือน ก็ถือว่าดีแล้ว เนื่องจากปัจจุบันยังมีข้อจำกัดเรื่องปริมาณเที่ยวบินเส้นทางไทย-จีน

 

แอร์ไลน์ย้ำยาแรง ‘วีซ่า-ฟรี’ เห็นผลมากที่สุด

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ผู้ให้บริการสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และนายกสมาคมสายการบินประเทศไทย เปิดเผยว่า มาตรการด้านวีซ่าที่ภาคเอกชนท่องเที่ยวอยากได้และน่าจะเห็นผลดีมากที่สุด คือมาตรการวีซ่า-ฟรี (ยกเว้นวีซ่า) เพราะนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้อย่างสะดวกสบาย ไม่มีขั้นตอนการขอวีซ่า และยังช่วยให้นักท่องเที่ยวประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องค่าธรรมเนียมวีซ่าได้อีกด้วย

“ก็เหมือนกับที่ประเทศญี่ปุ่นออกนโยบายยกเว้นวีซ่าดึงนักท่องเที่ยวไทยเมื่อหลายปีก่อน สามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นโดยไม่ต้องขอวีซ่า ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยไปญี่ปุ่นโตก้าวกระโดด จากระดับ 1 แสนคนต่อปี เพิ่มเป็นระดับ 4-5 แสนคนต่อปี โดยเมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด มีนักท่องเที่ยวไทยไปญี่ปุ่นกว่า 1.3 ล้านคน”

 

ชี้ท่องเที่ยวคือ ‘Instant Win’ ศก.ไทย

นายพุฒิพงศ์ กล่าวว่า รัฐบาลใหม่คงเล็งเห็นความสำคัญของภาคการท่องเที่ยว ไม่เช่นนั้นทางนายกฯ คงไม่ยกภาคการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์แรกๆ ที่ต้องผลักดันอย่างเร่งด่วน เปรียบเสมือน Instant Win ของประเทศไทย เพราะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ทันที รวดเร็วกว่าเครื่องยนต์อื่นๆ ที่ต้องลงทุนก่อน ขณะเดียวกันภาคการท่องเที่ยวยังสามารถกระจายเม็ดเงินไปในชุมชนได้เร็วด้วย

มองด้วยว่ารัฐบาลสามารถสนับสนุนผู้ประกอบการสายการบินได้หลายวิธี เช่น ออกมาตรการช่วยเหลือด้านต้นทุนแก่ผู้ประกอบการ เพื่อลดค่าใช้จ่าย โดยทางสมาคมสายการบินประเทศไทยจะขอเข้าพบนายกฯ อีกครั้งเพื่อติดตามผลเกี่ยวกับการขอลดอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันสำหรับเครื่องบินไอพ่นเส้นทางบินในประเทศ ที่รัฐบาลกลับมาจัดเก็บอัตรา 4.726 บาทต่อลิตร จากเดิมก่อนหน้านี้เคยช่วยลดให้อยู่ในอัตรา 0.20 บาทต่อลิตร หลังจากสมาคมฯ ได้นำเสนอเรื่องนี้ต่อนายกฯ ไปแล้วเมื่อปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และคาดหวังว่าจะเห็นจุดวิน-วิน (Win-Win) ร่วมกัน

รวมถึงการปรับปรุงระเบียบหรือขั้นตอนต่างๆ ให้สะดวกมากขึ้น เช่น ความคล่องตัวในการนำเครื่องบินเข้า-ออกจากฝูงบิน เนื่องจากสายการบินเป็นธุรกิจที่มีสินทรัพย์มูลค่าสูงจากตัวเครื่องบิน ถ้าเครื่องบินเก่าอยู่นานเกินไป ก็กลายเป็นต้นทุนที่กระทบต่อธุรกิจ หรือบางทีสายการบินเห็นโอกาสในการขยายฝูงบิน อยากนำเครื่องบินใหม่เข้าประจำการ แต่ทำไม่ทัน ทำให้ต้องเสียโอกาสไปในการรองรับดีมานด์ที่ฟื้นตัวเร็ว

อยากให้รัฐบาลช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาด เจรจาเพิ่มสิทธิการบินตลาดอินเดีย ซึ่งมีดีมานด์นักท่องเที่ยวอินเดียพร้อมเดินทางมาไทยจำนวนมาก รวมถึงเร่งโปรโมตดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดคุณภาพใช้จ่ายสูง

 

‘ทีเอชเอ’ จี้รัฐเร่งลดต้นทุน-แก้ข่าวลือเชิงลบ

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า นโยบายด้านการท่องเที่ยวที่ ครม. แถลงต่อรัฐสภา ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการในภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจเชื่อมโยงเป็นอย่างมาก แต่เรื่องที่ต้องเร่งรัดดำเนินการมากที่สุด ได้แก่ การลดต้นทุน ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า รวมถึงแก้ไขปัญหาหนี้ผู้ประกอบการ ควบคู่มาตรการช่วยเหลือการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะการสนับสนุนให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ประกอบกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ต้นทุนเชื้อเพลิงและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

รวมถึงเร่งส่งเสริมความโดดเด่นภาคการท่องเที่ยว โดยการไปให้ถึงเป้าหมายของภาคการท่องเที่ยวไทยในทุกเซ็กเตอร์ ทั้งตลาดต่างชาติเที่ยวไทยและตลาดไทยเที่ยวไทย การยกระดับฝั่งซัพพลายของภาคการท่องเที่ยว โรงแรม และธุรกิจเชื่อมโยง จะต้องมีมาตรฐานความยั่งยืน 

"อีกสิ่งสำคัญตอนนี้คือการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย ทั้งแก้ไขข่าวลือเชิงลบ เร่งสร้างความมั่นใจในการท่องเที่ยวไทย ว่าสามารถเดินทางมาเที่ยวได้อย่างปลอดภัย มีคุณภาพ ได้รับประสบการณ์และความสุขกลับไป"

 

ทอท.เตรียมอาคารใหม่ 'สุวรรณภูมิ'

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยว่า ทอท.เตรียมความพร้อมรองรับปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารที่จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลมีนโยบายเปิดวีซ่า-ฟรีให้นักท่องเที่ยว โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอยู่ระหว่างเร่งทำทางวิ่ง (รันเวย์) เพิ่มเติม เพื่อรองรับจำนวนเที่ยวบินให้มากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้ และสามารถเปิดให้บริการได้ในกลางปีหน้า

นอกจากนี้จะเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (แซทเทิลไลท์) แบบ Soft Opening ในวันที่ 28 ก.ย.นี้ เพิ่มพื้นที่มีรองรับผู้โดยสาร 216,000 ตารางเมตร และให้บริการควบคู่ไปกับอาคารผู้โดยสารหลัก (Main Terminal Building) เพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านคนต่อปี รวมศักยภาพของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดเป็น 60 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันที่รองรับได้ 45 ล้านคนต่อปี

อีกทั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเปิดให้บริการรถไฟฟ้า APM ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าระบบล้อยางแบบไร้คนขับในการรับ - ส่งผู้โดยสาร ใช้ระยะเวลาในการโดยสารรวมถึงระยะเวลาที่ผู้โดยสารรอรับบริการที่สถานีประมาณ 3 นาทีและสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 210 คนต่อขบวน เพื่อทำให้การเดินทางของผู้โดยสารภายในท่าอากาศยานสะดวกมากขึ้น

 

กต.เผย 56 ประเทศได้วีซ่า-ฟรี

กระทรวงต่างประเทศ (กต.) ระบุรายชื่อประเทศ/ดินแดน ที่ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว และสามารถพำนักอยู่ในประเทศไทยได้ไม่เกิน 30 วัน

1.ราชรัฐอันดอร์รา 2.เครือรัฐออสเตรเลีย 3.สาธารณรัฐออสเตรีย 4.ราชอาณาจักรเบลเยียม 5.รัฐบาห์เรน 6.สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล 7.เนการาบรูไนดารุสซาลาม 8.แคนาดา 9.สาธารณรัฐเช็ก 10.ราชอาณาจักรเดนมาร์ก 11.สาธารณรัฐเอสโตเนีย 12.สาธารณรัฐฟินแลนด์ 13.สาธารณรัฐฝรั่งเศส

14.สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี 15.สาธารณรัฐเฮลเลนิก 16.สาธารณรัฐฮังการี 17.สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ 18.สาธารณรัฐอินโดนีเซีย 19.ไอร์แลนด์  20.รัฐอิสราเอล 21.สาธารณรัฐอิตาลี 22.ญี่ปุ่น 23.รัฐคูเวต 24.สาธารณรัฐลัตเวีย 25.สาธารณรัฐลิกเตนสไตน์  26.สาธารณรัฐลิทัวเนีย 27.มาเลเซีย  28.ราชรัฐลักเซมเบิร์ก 29.สาธารณรัฐมัลดีฟส์  30.สาธารณรัฐมอริเชียส 31.ราชรัฐโมนาโก 32.ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ 33.นิวซีแลนด์ 34.ราชอาณาจักรนอร์เวย์ 35.รัฐสุลต่านโอมาน 36.สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ 37.สาธารณรัฐโปแลนด์

38.สาธารณรัฐโปรตุเกส 39.รัฐกาตาร์ 40.สาธารณรัฐซานมารีโน  41.สาธารณรัฐสิงคโปร์ 42.สาธารณรัฐสโลวัก 43.สาธารณรัฐสโลวีเนีย 44.ราชอาณาจักรสเปน 45.สาธารณรัฐแอฟริกาใต้  46.สาธารณรัฐเกาหลี 47.ราชอาณาจักรสวีเดน 48.สมาพันธรัฐสวิส  49.สาธารณรัฐตุรกี 50.ยูเครน 51.สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์  52.สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ 53.สหรัฐอเมริกา  54.สาธารณรัฐเปรู 55.ฮ่องกง และ 56.สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม