'ค้าปลีก-ค้าส่งโลคอล’ ร่วมมือลดราคาสินค้า คนไทยตอบรับแรง เล็งต่อยอดเฟสสอง

'ค้าปลีก-ค้าส่งโลคอล’ ร่วมมือลดราคาสินค้า คนไทยตอบรับแรง เล็งต่อยอดเฟสสอง

สำรวจตลาดค้าปลีกค้าส่งทั่วประเทศปี 2566 สมรภูมิร้อนแรงจากการแข่งขันในตลาด การร่วมดึงกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงตั้งแต่ปีก่อน ผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่ง ร่วมพลังกระตุ้นกระตุ้นกำลังซื้อ จัด 'LOCAL LOW COST' ชี้ลูกค้าตอบรับดี เล็งขยายไปสู่เฟสสอง ดึงร้านค้า-สินค้าร่วม

ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่น่าจับตามองกับ ผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่งรายใหญ่ของประเทศไทย ได้ร่วมกำลังจัดกิจกรรม “LOCAL LOW COST” เริ่มตั้งแต่วันที่ 1-10 ก.ย.2566 เป็นการผนึกกำลังของผู้ประกอบการค้าปลีกค้าทั่วประเทศและซัพพลายเอออร์ ที่เป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายกลุ่ม มาร่วมลดราคาสินค้าพร้อมกัน

มิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก ในจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ในปี 2566 ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในตลาดต่างจังหวัดในปี 2566 ค่อนข้างชะลอตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน

 

“ตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน ภาพรวมกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าในตลาดต่างจังหวัดค่อนข้างชะลอตัวลง ทำให้ตลาดค้าปลีกในต่างจังหวัดเหมือนรถที่ไม่ได้เติมน้ำมัน ทำให้ภาคค้าปลีกได้รับผลกระทบทั้งหมด และที่เห็นอีกอย่างคือ ซัพพลายเออร์ต้องมุ่งเก็บเงินค่ารอบสินค้าที่รวดเร็วขึ้น ทำให้เงินในระบบหายไปเร็วขึ้น”

จากแนวโน้มความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการได้มีการร่วมมือกับผู้ประกอบการค้าส่ง-ค้าปลีก และกลุ่มซัพพลายเออร์ทั่วประเทศ จัดกิจกรรมกับ “LOCAL LOW COST” นำสินค้าอุปโภคบริโภค ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มาลดราคาครั้งพิเศษพร้อมกัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1-10 ก.ย.นี้ทั่วประเทศ โดยตั้งแต่ทำกิจกรมนี้พบว่า ลูกค้าในต่างจังหวัดให้การตอบรับดีมาก ทำให้อยู่ระหว่างการพิจารณาหารือร่วมกัน ในการต่อยอดไปสู่โครงการเฟสสองในอนาคต เพื่อร่วมลดค่าครองชีพให้แก่ลูกค้าอีกทาง

“เป้าหมายสำคัญของค้าปลีกค้าส่งที่ร่วมจัดกิจกรรมลดราคาสินค้าทั่วประเทศ คือ อยากนำเสนอสินค้าราคาสุดคุ้มค่าให้แก่ลูกค้า โดยไม่ได้หวังผลกำไร แต่เป้าหมายครั้งสำคัญคือ อยากร่วมลดค่าครองชีพให้แก่คนไทย ที่กำลังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และอยากร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในต่างจังหวัดให้คึกคักขึ้น”

ในปัจจุบันโครงการระยะแรก ที่มีผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกทั่วประเทศรวม 52 ราย ซึ่งในเฟสสองมีผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกอีกหลายรายสนใจอยากเข้ามาร่วมด้วย รวมถึงซัพพลายเออร์ที่ติดต่อสนใจอยากเข้ามาร่วมนำเสนอสินค้าในราคาสุดคุ้มค่าเช่นกัน

“ตั้งแต่การจัดกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ในสาขาของ ตั้งงี่สุน สาขาโพธิ์ศรี และสาขานาดี จนถึงปัจจุบันได้รับผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อสินค้า สร้างความอย่างคึกคักมาก โดยลูกค้าไม่ได้มีการกักตุนสินค้า แต่มุ่งเลือกซื้อสินค้าให้มีความเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละครอบครัว”

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ที่มีความไม่แน่นอนหลายด้าน บริษัท ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ ที่มีสาขาเปิดให้บริการ 2 สาขาในจังหวัดอุดรธานี ยังมุ่งพัฒนาและยกระดับบริการให้แก่ลูกค้า โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีใหม่ มาร่วมขยายบริการและขยายช่องทางการขายผ่านออนไลน์ให้ครอบคลุมและแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อเติมเต็มทั้งออนไลน์และออฟไลน์แบบครบวงจรให้แก่ลูกค้า

“ในโลกการทำธุรกิจเราต้องมุ่งเดินหน้ายกระดับและขยายบริการสิ่งใหม่ หยุดนิ่งไม่ได้ โดยเฉพาะนำเทคโนโลยีมาเสริมจุดแข็งให้แก่ธุรกิจ โดยที่ผ่านมา ผู้ประกอบการค้าส่งในต่างจังหวัดมุ่งยกระดับธุรกิจต่อเนื่อง เปรียบเสมือนกับโทรศัพท์มือถือ ก็ยกระดับกลายเป็นรุ่นไอโฟน แต่ในปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีสิ่งใหม่ เทคโนโลยีใหม่เข้ามาตลอดเวลา หากเราไม่ยกระดับก็จะทำให้ธุรกิจกลับไปสู่แบบรุ่นเก่าของโทรศัพท์มือถือที่กำลังตกรุ่นได้”

อีกสิ่งที่สามารถผลักดันทำให้ธุรกิจขยายตัวและมีกลุ่มลูกค้าประจำเข้ามาซื้อสินค้าต่อเนื่อง ท่ามกลางเศรษฐกิจซบเซานั้น มาจากทั้ง การวางรากฐานธุรกิจของบริษัทตั้งแต่แรกคือ การมุ่งให้ความจริงใจและให้ความซื่อสัตย์แก่ลูกค้า พร้อมดำเนินธุรกิจตามหลักคุณธรรม ทั้งหมดจึงร่วมผลักดันให้ธุรกิจมีการขยายตัวต่อเนื่อง

สำหรับ ‘ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์’ เป็นค้าปลีก-ค้าส่งในจังหวัดอุดรธานี ที่มีสาขารวม 2 สาขา ดำเนินธุรกิจมาร่วม 80 ปีแล้ว โดยเริ่มธุรกิจจากร้านโชห่วยขนาดเล็ก ก่อนสร้างธุรกิจขยายตัวแข็งแกร่ง ท่ามกลางตลาดค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงในทุกปี จนนำพาธุรกิจเติบโต จนเปลี่ยนโฉมไปสู่ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ในจังหวัด และในปัจจุบันมี “มิลินทร์ วีระรัตนโรจน์” ทายาทรุ่นที่ 4 ร่วมขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีก