‘คาร์มาร์ท’ ผนึกทุนญี่ปุ่น ‘คู่แข่ง’สู่‘คู่ค้า’ หาแบรนด์ฮีโร่ โกอินเตอร์

‘คาร์มาร์ท’ ผนึกทุนญี่ปุ่น ‘คู่แข่ง’สู่‘คู่ค้า’  หาแบรนด์ฮีโร่ โกอินเตอร์

วาดเป้าใหญ่ตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจอยากสร้างอาณาจักรให้เติบใหญ่ พาแบรนด์ไทยผงาดในตลาดโลก การต่อจิ๊กซอว์ของ “คาร์มาร์ท” มุ่งสร้างพอร์ตโฟลิโอเครื่องสำอางครอบคลุมทุกหมวดหมู่สินค้า เฟ้นหาโปรดักต์และแบรนด์ “ฮีโร่” แต่เวลานี้โฟกัสปั้นแบรนด์ลูกให้แข็งแกร่งควบคู่กันไป

พงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานการตลาดและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และผู้ก่อตั้ง บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทยการฟื้นตัวยังไม่เต็ม 100% กลับมาเพียง 50% สะท้อนให้เห็นโอกาสสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้อีกมาก

เป้าหมายใหญ่ของคาร์มาร์ท คือการสร้างแบรนด์เครื่องสำอางสัญชาติไทยให้โกอินเตอร์เป็นแบรนด์แถวหน้าของโลก ซึ่งยอมรับว่าต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะการจะทำให้ต่างประเทศยอมรับสินค้าและแบรนด์ไทยไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะตลาดยุโรปและสหรัฐ ต้องหาทางสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายให้ได้ หากมองประเทศเพื่อนบ้านอย่างแบรนด์เกาหลีใต้ ปัจจุบันตลาดยุโรปเปิดกว้าง ยอมรับมากขึ้น ใช้เวลานานมากและมีกระแสเกาหลีเป็นแรงส่ง

กลยุทธ์การผลักดันแบรนด์ไทยให้โตในเวทีโลก บริษัทยังคงเน้นสร้างพอร์ตโฟลิโอเครื่องสำอางให้แข็งแกร่ง มีสินค้าให้ครบทุกหมวดหมู่ ซึ่งช่วงครึ่งปีหลัง จะเห็นการออกแบรนด์ใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น มีการจับมือกับ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล แห่งอาณาจักรเอ็มจีไอ ที่มีเวทีนางงามทั้งมิสแกรนด์ไทยแลนด์ และมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล รุกตลาดเครื่องสำอางในกลุ่มสีสันหรือเมกอัพ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ (สกินแคร์) ภายใต้แบรนด์ Face it และ BEAUTILOZ

“เราพยายามสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และแบรนด์เฉพาะสินค้านั้นๆ เช่น ดูแลสิวก็แตกแบรนด์หนึ่งไปเลย เวชสำอางจากคุณหมอ แบรนด์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่มีอินฟลูเอนเซอร์เป็นเจ้าของ เพื่อทำให้สินค้าครบทุกหมวด ปั้นแบรนด์ลูกให้เกิด จากนั้นเฟ้นหาแบรนด์ฮีโร่ เพื่อทำตลาดระดับโลกพาแบรนด์ไทยโกอินเตอร์”

นอกจากนี้ การเติบโตจะอาศัยกลยุทธ์ทางลัดด้วยการผนึกพันธมิตร ทั้งร่วมทุน ถือหุ้น เพื่อแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย เร็วๆ นี้จะเห็นความร่วมมือกับทุนญี่ปุ่น และการรวมกันกับผู้ประกอบการเครื่องสำอางรายอื่นๆ การเข้าไปถือหุ้น เพื่อทำให้พอร์ตสินค้าเติบโตขึ้น รวมถึงรวมกับผู้เล่นในตลาด หรือ Combine เพื่อไปซื้อแบรนด์ในต่างประเทศเบ่งอาณาจักรคาร์มาร์ทใหญ่ขึ้น

“การร่วมมือกับพันธมิตรทั้งญี่ปุ่น การ Combine กับคู่แข่งไปถือหุ้น ซื้อแบรนด์ในต่างประเทศถือเป็น Fast Track ทำให้เรามีแบรนด์ใหญ่เข้ามาอยู่ในพอร์ต ตามแผนเรามีดีลและโปรเจกต์จำนวนมากยาวไปถึงปี 2567”

บริษัทยังมีแผนขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้นด้ว โดยโฟกัสตลาดตะวันออกกลาง เช่น คูเวต นอกเหนือจากจีน เพราะค่อนข้างทำตลาดยาก ส่วนญี่ปุ่น ยังคงเติบโตได้ดี หลังชิมลางมา 2-3 ปี ปัจจุบันคาร์มาร์ท มีร้านเครื่องสำอางให้บริการลูกค้าราว 20 สาขา ร้านรื่นรมย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์สปา 10 สาขา โดยไม่เน้นขยายสาขามากนักเน้นบุกออนไลน์สร้างการเติบโต 

ด้านภาพรวมรายได้ปีนี้ คาดอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ครึ่งปีแรกยอดขายเติบโต 38% ในอนาคตต้องการเห็นรายได้ส่งออกและออนไลน์สัดส่วน 20-30% ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ 30% ร้านค้าทั่วไป 30%  ปัจจุบันยอดขายหลักยังมาจากในประเทศ 90% ส่งออก 10%  

“เราอยากเติบโตปีละ 20-30% ต่อเนื่อง และอยากพาแบรนด์ไทยไปโตระดับโลก เป้าหมายต่างๆ ตอนนี้ทำได้แค่ครึ่งจากที่วาดไว้”