'แอตต้า' ขอ 'เศรษฐา' เคลียร์ให้ชัด นโยบาย 'ฟรีวีซ่า' ดึงจีนเที่ยวไทย

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนโยบาย “ฟรีวีซ่า” แก่ตลาดที่มีศักยภาพ เช่น จีน หลังประชุมร่วมกับซีอีโอ 8 สายการบินเพื่อหารือเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซัน และการแก้ไขปัญหาหรือข้อจำกัดให้ชาวจีนเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้นโดยจะยกเว้นวีซ่าให้นั้น ต้องการให้นายเศรษฐาพูดให้ชัดว่า ความหมายของคำว่า “Free Visa” (ฟรีวีซ่า) นั้น หมายถึงอะไรกันแน่ ระหว่าง “ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่า” หรือ “ให้เดินทางเข้าประเทศไทยได้เลย โดยไม่ต้องขอวีซ่า” เหมือนกับที่คนไทยเดินทางไปประเทศกลุ่มอาเซียนได้โดยใช้เพียงพาสปอร์ตเล่มเดียวและไม่ต้องยื่นขอวีซ่า

“ที่ผ่านมาเคยมีการถกกันหลายรอบเรื่องอำนวยความสะดวกแก่คนจีนเดินทางเข้าไทยโดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่ฝ่ายความมั่นคงไม่เคยยอม เพราะกังวลเรื่องการเข้าประเทศของคนจีนบางกลุ่ม พอนายเศรษฐาพูดถึงนโยบายฟรีวีซ่าให้บางประเทศ เช่น จีน และอินเดีย ต้องถามกลับไปว่าฝ่ายความมั่นคงยอมแล้วใช่หรือไม่”

ส่วนวิธีที่เคยทำมาแล้วคือ “การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า” สำหรับชาวจีน แต่ยังต้องยื่นเอกสารขอวีซ่าเหมือนเดิม โดยอัตราการยื่นขอวีซ่าที่สถานทูตหรือสถานกงสุลของไทย อยู่ที่ 1,000 บาท/คน/ครั้ง ส่วนอัตราการยื่นขอวีซ่าหน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival: VoA) อยู่ที่ 2,000 บาท/คน/ครั้ง ซึ่งวิธีนี้ทำได้เร็ว แต่ต้องไปพร้อมกับการอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศไทยด้วย

นายศิษฎิวัชร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสิ่งที่แอตต้ามองว่าไม่สะดวกและยังเป็นปัญหามากในขณะนี้ คือระบบการยื่น E-Visa ซึ่งใช้เวลาในการออกวีซ่าช้ากว่าระบบเดิม และอนุมัติจำนวนให้กับบริษัททัวร์ได้น้อยกว่าระบบเดิมด้วย

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า จากมาตรการฟรีวีซ่าแก่บางประเทศ เช่น จีน ตามที่นายกฯ เศรษฐา ประกาศออกมานั้น ได้ส่งสัญญาณบวกต่อภาคการท่องเที่ยวไทย โดยบริษัททัวร์ในจีนเริ่มพากันตื่นตัวเป็นอย่างมาก มีการแชร์ข่าวนี้เต็มโซเชียลมีเดียในจีน ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี

“แต่การฟรีวีซ่าอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหากเที่ยวบินยังมีอยู่จำกัด ดังนั้นการเพิ่มเที่ยวบินในช่วงนี้เพื่อให้ทันไฮซีซันปลายปีจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องเร่งทำอย่างเร่งด่วน”