‘นันยาง’ ดึง ‘พรชัย’ ตำนานนักตะกร้อ ลุยรองเท้ารุ่นลิมิเต็ด รับเอเชียนเกมส์

ดร.จักรพล จันทวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า กีฬาตะกร้อเป็น 1 ใน 5 กีฬาที่มีผู้เล่นและได้รับความนิยมสูงสุดในไทยและอาเซียน และรองเท้านันยางถือเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงมากในการใส่เล่นตะกร้อ จนครองส่วนแบ่งการตลาดรองเท้าตะกร้อสูงถึง 90% ของผู้ใช้งานทั้งหมด ซึ่งเป็นผลจากคุณสมบัติพื้นยางรองเท้าเกาะพื้นได้ดี รูปทรงรองเท้าที่สามารถควบคุมการเตะได้อย่างแม่นยำ กระชับในการสวมใส่ ทนทุกสภาพอากาศเป็นต้น

ทั้งนี้ ความนิยมของกีฬาตะกร้อ แม้เริ่มจากจากอาเซียน แต่ปัจจุบันขยายสู่ระดับนานาชาติมากขึ้น ภายใต้สหพันธ์เซปักตะกร้อนานาชาติ (ISTAF) มีสมาชิกถึง 54 ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บราซิล ฝรั่งเศส เยอรมัน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา ฯ ขณะที่รองเท้าผ้าใบนันยางมีการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ เพื่อตอบโจทย์นักกีฬาตะกร้อเช่นกัน โดยเฉพาะการบุกประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ลาว กัมพูชา ฯ ซึ่งสร้างการเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2566 การส่งออกขยายตัวแล้ว 100% จากปี 2565

สำหรับการทำตลาดรองเท้าผ้าใบเจาะกลุ่มเป้าหมายปีนี้ นันยางได้ดึงนักกีฬาตะกร้อระดับตำนานอย่าง “ร้อยโทพรชัย เค้าแก้ว” ตัวฟาดอันดับ 1 ของเมืองไทย และอันดับ 1 ของโลก เจ้าของฉายา “ราชาหน้าตาข่าย” ซึ่งติดทีมชาติมายาวนานกว่า 21 ปี คว้าชัยชนะ มีเหรียญทองคล้องคอไม่ต่ำกว่า 10 เหรียญ มาร่วมออกแบบรองเท้ารุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น “PK5” ให้ได้รองเท้าในฝันของนักตะกร้ออย่างแท้จริง

ทั้งนี้ รองเท้า PK5 พัฒนาจากรองเท้ารุ่นคลาสสิก (205-S) คู่ใจข “พรชัย” กว่า 30 ปี โดยจุดเด่นคือชื่อย่อต่างๆ เริ่มจาก P คือ Pornchai K คือ Kaokaew และเลข 5 คือเลขประจำเสื้อพรชัย และยังมีหมุดทอง 10 หมุด แทนจำนวนเหรียญทองเอเชียนเกมส์ที่ได้รับ และหมุดทองด้านล่าง 2 หมุด คือเหรียญทองที่เป็นความหวังในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ของพรชัย ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน 23 ก.ย. – 8 ต.ค. 2566

“ที่มาของโปรเจคนันยางลิมิเต็ด เอดิชั่น PK5 เป็นการดีไซน์รองเท้าในรูปแบบที่นักกีฬาตะกร้อชื่นชอบ ที่สำคัญยังนำตำนานทุกก้าวของพรชัย มาถ่ายทอดด้วย”

สำหรับรองเท้าผ้าใบนันยาง PK5 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 5,500 คู่ และป้อนตลาดต่างประเทศ 5,000 คู่ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเซีย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ตลาดยุโรปและสหรัฐฯ

“เราคาดหวังด้านยอดขาย แต่มากกว่านั้นคือการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์นันยางใหม่ ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่แบรนด์รองเท้าสำหรับนักเรียน หรือลูกค้าทั่วไป แต่จะตอกย้ำถึงการเป็นแบรนด์รองเท้าผ้าใบที่ดีที่สุดสำหรับนักตะกร้อทุกคนด้วย”