ชงเว้น 'ค่าวีซ่า' ปลุกทัวริสต์จีน ปั้นรายได้ตลาดระดับบน รับมือ ศก.จีน เดี้ยง

ชงเว้น 'ค่าวีซ่า' ปลุกทัวริสต์จีน ปั้นรายได้ตลาดระดับบน รับมือ ศก.จีน เดี้ยง

'ททท.' รับมือเศรษฐกิจจีนเดี้ยง ล็อกเป้า 'นักท่องเที่ยวจีน' ระดับบน ปั๊มรายได้รวมท่องเที่ยวไทยฟื้น 80% ปีนี้ แรงส่งปี 67 ทะยาน 100% โกย 3 ล้านล้าน 'แอตต้า' หวังกรุ๊ปทัวร์จีนเดินทางดันยอดจีนเที่ยวไทย 7-8 ล้านคน ชงรัฐบาลใหม่ออกมาตรการ 'ยกเว้นค่าวีซ่า' หนุนเยือนไทย

แนวโน้มเศรษฐกิจจีนชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่องหลายภาคส่วน  โดยเฉพาะประเทศไทยที่พึ่งพา “นักท่องเที่ยวจีน” หนึ่งในตลาดหลักทั้งเชิงปริมาณและการใช้จ่าย เผชิญความท้าทายไม่น้อยจากสถานการณ์ดังกล่าวที่ทำให้การเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญความท้าทาย ขยายตัวลดลงอยู่ในระดับ 3-5% ต่อปีเท่านั้น ไม่ได้เติบโตตามศักยภาพเหมือนในภาวะปกติที่ต้องขยายตัว 2 หลักหรืออย่างน้อย 10% ต่อปี ส่งผลให้ ททท.ต้องล็อกเป้าหมายทางการตลาด ดึงนักท่องเที่ยวชาวจีนมาเที่ยวไทยให้ได้ 5 ล้านคนในปี 2566 จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนสะสมช่วง 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ปีนี้ประมาณ 1.5 ล้านคน ลุ้นเดินทางเข้ามามากขึ้นในเดือน ส.ค.-ก.ย. สร้างแรงส่งไปจนถึงไตรมาส 4 (ต.ค.-ธ.ค.) ซึ่งมีไฮไลต์คือช่วงหยุดยาววันชาติจีน (29 ก.ย.-6 ต.ค.)

แม้ก่อนหน้านี้มีปัญหาเที่ยวบินระหว่างประเทศเส้นทาง ไทย-จีน ไม่เพียงพอ แต่ปัจจุบันปัญหานี้จบไปแล้ว พิจารณาจากจำนวนเที่ยวบินเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมี 150 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพิ่มเป็น 400 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ 

++ เฟ้นสินค้าบริการ 'พรีเมียม' ดึงจีนตลาดบน

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคที่ทำให้ชาวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยค่อนข้างน้อย อาจเป็นเพราะราคาตั๋วเครื่องบินยังค่อนข้างแพง ขณะเดียวกันกลุ่มคนกำลังซื้อสูงเลือกเดินทางไปยุโรปมากกว่า ทำให้สำนักงาน ททท. ทั้ง 5 แห่งในจีนต้องหาสินค้าบริการระดับพรีเมียมมานำเสนอ เพื่อฟื้นรายได้ตลาดจีนเที่ยวไทยปีนี้ให้ได้ 80% เมื่อเทียบกับรายได้ปี 2562 ก่อนโควิดระบาด

“ตอนนี้จีนกำลังมีปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งในภาคอสังหาริมทรัพย์ หนี้ท้องถิ่น และหนี้เสีย แต่สิ่งที่ ททท.ต้องเดินหน้าคือการทำตลาดดึงนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเคยออกไปเที่ยวต่างประเทศมากถึง 100-120 ล้านคนต่อปีก่อนโควิดระบาด ด้วยการล็อกเป้าตลาดระดับบนเพื่อเพิ่มรายได้ต่อเนื่องไปถึงปี 2567 ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นปัจจัยท้าทายมากที่สุด อาจทำให้ภาคการท่องเที่ยวไทยไปไม่ถึงเป้าหมาย”

ด้านกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เตรียมแถลงเปิดตัวระบบ “VPSS”(Visa Pre-Screening System)  ในวันนี้ (24 ก.ค.) เพื่อยกระดับขั้นตอนการเชื่อมโยงข้อมูลนักท่องเที่ยวชาวจีน ให้ทาง กต.สามารถอนุมัติวีซ่าได้รวดเร็วและมั่นใจมากขึ้นตามเงื่อนไขที่กำหนด จากก่อนหน้านี้ กต.ระบุว่าสามารถอนุมัติวีซ่าให้ชาวจีนได้ภายใน 15 วัน แต่ทางผู้ประกอบการทัวร์จีนระบุว่าช้าเกินไป ต้องการให้รวดเร็วกว่านั้นเพื่อประโยชน์ในการทำการตลาด คาดว่าตัวระบบ VPSS ดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.นี้

 

++ วางเป้าปี 67 รายได้รวมท่องเที่ยวฟื้น 100%

นายยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า ททท.ได้วางฉากทัศน์ (Scenario) ของภาคท่องเที่ยวไทยปี 2567 ไว้ 3 กรณีด้วยกัน โดยยึดกรณีแรก "Best Case" ดีที่สุด คือ สร้างรายได้รวม 3 ล้านล้านบาท ฟื้นตัว 100% จากตลาดต่างประเทศ 1.92 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติ 35 ล้านคน และตลาดในประเทศ 1.08 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวไทย 200 ล้านคน-ครั้ง

กรณีที่ 2 “Base Case” ฟื้นตัว 90% สร้างรายได้รวม 2.74 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ 1.73 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 32 ล้านคน และตลาดในประเทศ 1 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวไทย 185 ล้านคน-ครั้ง

และกรณีที่ 3 “Worst Case” ต่อให้แย่ที่สุดก็ยังเท่ากับปี 2566 คือฟื้นตัว 80% ของปี 2562 หรือสร้างรายได้รวม 2.4 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ 1.54 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 28 ล้านคน ซึ่งยังต้องจับตาตลาดนักท่องเที่ยวจีนว่าจะกลับมาเมื่อไร จากข้อจำกัดต่างๆ เช่น จำนวนเที่ยวบินที่แม้จะฟื้นแล้ว แต่ยังฟื้นไม่เต็มที่ และเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวเกินคาด ส่วนตลาดในประเทศ 8.6 แสนล้านบาท จากนักท่องเที่ยวไทย 158 ล้านคน-ครั้ง

 

++ กรุ๊ปทัวร์จีนฟื้นปีหน้าหนุนเยือนไทย

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า จากเป้าหมายนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ในปี 2567 ที่ ททท.ตั้งเป้าล่าสุดจำนวน 25.8 ล้านคน มองว่ามีความเป็นไปได้ เพราะในปีหน้าตลาดกรุ๊ปทัวร์จีนจะฟื้นตัวชัดเจน จึงคาดว่าภาพรวมนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 7-8 ล้านคน แม้ปี 2566 ยังมีปัญหาติดขัดการยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศไทย ทำให้ยังต้องลุ้นเหนื่อยว่านักท่องเที่ยวจีนจะไปถึงเป้าหมาย 5 ล้านคนของ ททท. หรือไม่ หลังจากแนวโน้มในปีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (เอฟไอที) มากกว่า

“ปัจจุบันตลาดนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยยังค่อนข้างอืด เป็นเรื่องยากที่จะไปถึงเป้าหมาย 5 ล้านคนในปีนี้ตามที่ ททท. ตั้งไว้ หลัง 6 เดือนแรกเดินทางเข้ามาประมาณ 1.5 ล้านคน ต้องลุ้นหนักอีก 3.5 ล้านคนใน 6 เดือนหลัง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากประเทศจีนกำลังมีปัญหาเศรษฐกิจ จากสงครามการค้า การย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีน และสงครามเทคโนโลยี”

ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ จะเสนอให้รัฐบาลใหม่ออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวแบบแรงและเร่งด่วน เช่นมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีน ทั้งแบบยื่นขอวีซ่าผ่านสถานกงสุล อัตราประมาณ 200 หยวนต่อครั้ง และวีซ่าหน้าด่าน (Visa on Arrival : VOA) อัตรา 500 หยวนต่อครั้ง เบื้องต้นเป็นเวลานาน 3 เดือน เพื่อทำตลาดแข่งกับประเทศอื่นๆ ในการช่วงชิงนักท่องเที่ยวจีน หลังจากก่อนหน้านี้รัฐบาลไทยเคยใช้มาตรการนี้แล้วหลังเกิดเหตุการณ์เรือล่มจังหวัดภูเก็ตเมื่อปี 2561 เพื่อฟื้นความเชื่อมั่น หวังครั้งนี้จะช่วยจุดกระแสชาวจีนให้เดินทางเข้าไทยมากยิ่งขึ้น

 

++ ยันคนจีนนิยมซื้ออสังหาฯ ไทย

นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่าในไตรมาส 2 นี้ ภาวะเศรษฐกิจจีนไม่ดีเท่าที่ควร แต่คาดการณ์เศรษฐกิจจีนขยายตัว 5% และแม้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะมีปัญหา แต่ในทางกลับกันคนจีนยังคงมองการลงทุนด้านอสังหาฯ ในต่างประเทศ  ซึ่งจากผลการสำรวจพบว่า อสังหาฯ ประเทศไทยติดอันดับ 2 อันดับ 3 ตลอดรองจากสหรัฐ และแคนาดา ที่คนจีนนิยมซื้ออสังหาฯ

“ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นต่างชาติที่มาเมืองไทยอยู่ยาวขึ้น แต่อาจไม่ใช่คนจีนเพราะยังไม่กลับมา 100% ทำให้มีโอกาสในการขายอสังหาฯ ให้คนต่างชาติสัญชาติอื่นมากขึ้น ”

ขณะเดียวกันมีความต้องการซื้อจากคนจีนกลับเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น สังเกตได้จากทำเลรัชดาฯ พระราม 9 จะเห็นร้านชาบูหม่าล่า หม้อไฟสไตล์จีนเปิดบริการจำนวนมาก สะท้อนถึงโอกาสที่กำลังซื้อของคนจีนจะกลับเข้ามาอีกครั้งในปีหน้าหากตัวเลขนักท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้าหมายที่ ททท.วางไว้

นายพสุ กล่าวอีกว่า หากพิจารณาแนวโน้มการไหลของเงินจากจีน เกิดขึ้นมาตั้งแต่มีปัญหาฮ่องกง ตามด้วยโควิด-19 ทำให้เงินจากจีนไหลเข้ามาที่สิงคโปร์จำนวนมาก  แต่เมื่อต้องเจอกับภาษีซื้ออสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัยสำหรับชาวต่างชาติที่สิงคโปร์ ปรับขึ้นมาเป็น 60% ทำให้กลุ่มคนจีนหันมาซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทยมากขึ้น 

ปัจจุบันตลาดอสังหาฯ ไทย อยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัว แต่ยังคงต้องระมัดระวังจากปัจจัยความไม่แน่นอน หนึ่งในนั้น คือ สถานการณ์ทางการเมือง