โฟกัสธุรกิจบริการ-เทรดดิ้ง แหล่งปั๊มรายได้แน่นอนหนุนโต‘ล็อกซเล่ย์’
การพึ่งพาธุรกิจลักษณะโครงการ ท้าทายต่อ “ล็อกซเล่ย์” เพราะเสี่ยงต่อการทำรายได้ที่ไม่แน่นอน การโฟกัส ต่อยอดธุรกิจที่เชี่ยวชาญจึงเป็นกุญแจสำคัญเคลื่อนอาณาจักร ซึ่งปี 2566 บริษัทรุกหนักร้านอาหาร เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าจำเป็น พร้อมพลิกภาพสู่การ “ร่วมทุน” เสริมแกร่ง
“ล็อกซเล่ย์” ดำเนินธุรกิจกว่า 8 ทศวรรษ เผชิญการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายยุค และเพื่อสร้างการเติบโตภายใต้โจทย์ธุรกิจใหม่ที่ท้าทาย ทำให้บริษัทต้องปรับตัวตลอดเวลา
ช่วง 6 ปีที่ผ่านมา หนึ่งในการปรับกระบวนท่าทางธุรกิจ คือการพลิกกลยุทธ์จากดำเนินธุรกิจที่หลากหลายมาสู่การ “โฟกัส” ธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อส่งผลลัพธ์ต่อรายได้และกำไร
สุรช ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ฉายภาพว่า บริษัทยังคงเดินหน้าโฟกัส 5 ธุรกิจหลักที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งประกอบด้วย 1. ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ 2.ธุรกิจพลังงาน 3.ธุรกิจเน็ตเวิร์คโซลูชั่นส์ 4.ธุรกิจบริการ และ5.ธุรกิจเทรดดิ้ง โดย 3 ธุรกิจแรกถือเป็นลักษณะงานโครงการ รูปแบบรายได้ไม่แน่นอน ขณะที่ 2 ธุรกิจหลัง รูปแบบการสร้างรายได้ประจำหรือ Recurring Income
ทั้งนี้ การปรับโครงสร้าง และโฟกัสธุรกิจดังกล่าวดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560 หรือราว 6 ปีแล้ว และสร้างผลงานอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะสายธุรกิจเทรดดิ้ง ภายใต้บริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งรับบทเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค สั่งสมประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญกว่า 45 ปีแล้ว จนก้าวสู่การเป็นผู้เล่นชั้นนำของเมืองไทย ปัจจุบันสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สายธุรกิจเทรดดิ้งมียอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยปี 2565 ธุรกิจเทรดดิ้งสร้างรายได้อยู่ที่ 4,831 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึง 38% ของรายได้รวม 13,220 ล้านบาท ซึ่งผลงานดังกล่าวเกิดจากการขยายธุรกิจเดิมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังเดินหน้าสร้างธุรกิจใหม่เพื่อต่อยอดหรือเกื้อหนุนธุรกิจหลักที่ทำอยู่ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
ล่าสุด บริษัทยังเดินหน้าสู่การเป็น “ผู้ร่วมทุน” นอกจากเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า ซึ่งดำเนินการผ่านบริษัท แอล ฟู้ดโซลูชันส์ จำกัด รุกธุรกิจให้บริการด้านร้านอาหาร และบริษัท สยามสมุทรวาริน จำกัด ดำเนินธุรกิจนำเข้าวัตถุดิบอาหารเพื่อจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจจัดเลี้ยงหรือ HoReCa
“ที่ผ่านมารายได้ของล็อกซเล่ย์ส่วนใหญ่มาจากงานโครงการ ซึ่งมีความไม่แน่นอน เพราะมีความเสี่ยง จากปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ บริษัทจึงมีนโยบายสร้างความมั่นคงด้านรายได้มากขึ้น และการสร้างความสมดุลของพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ ผลักดันการเพิ่มสัดส่วนของรายได้ประจำให้มากขึ้น”
สำหรับร้านวาคิว ยากินิคุ สาขาเอเชียทีค มีการตกแต่งในสไตล์โคซี่ คุมโทนด้วยสีแนวเอิร์ทโทน ดูอบอุ่นสบายตา ร้านรองรับสาวกปิ้งย่างได้สูงสุดถึง 80 ที่นั่ง
“ร้านวาคิว ยากินิคุ เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 11 ปี มี 3 สาขา เพื่อให้บริการลูกค้า ซึ่งยังคงได้การตอบรับดีจากกลุ่มเป้าหมาย ขณะที่การเปิดสาขาใหม่ที่เอเชียทีคฯ มองว่าเป็นโอกาสดีที่จะจับกลุ่มนักท่องเที่ยวซึ่งเริ่มฟื้นตัวกลับมา หลังสถานการณ์โรคโควิด-19 คลี่คลาย"
