‘โมชิ โมชิ’ ลุยขยายร้านใหม่ กลุ่มน้ำหอม ชู ‘ชิคแอนด์ คูล’ เสริมพอร์ตธุรกิจ

‘โมชิ โมชิ’ ลุยขยายร้านใหม่ กลุ่มน้ำหอม ชู ‘ชิคแอนด์ คูล’ เสริมพอร์ตธุรกิจ

ร้านไลฟ์สไตล์ 'โมชิ โมชิ' ลุยขยายแบรนด์ร้านใหม่ กลุ่มน้ำหอม เสริมไลน์ธุรกิจไลฟ์สไตล์ให้แข็งแกร่ง ชี้โอกาสสินค้าไลฟ์สไตล์ยังเติบโต เล็งเปิดสาขาแฟรนไชส์ในปีหน้า

กลุ่มทุนไทยจากสร้างธุรกิจจากสำเพ็ง โดยเปิดร้าน "โมชิ โมชิ (Moshi Moshi)" สินค้าไฟล์สไตล์ สาขาแรกที่สำเพ็งในปี 2559 จนติดตลาด สามารถสร้างธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง และขยายสาขาไปทั่วประเทศ จนกลายเป็นผู้นำร้านไลฟ์สไตล์ในไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 37.6% และนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ตั้งแต่ปีที่ 2565 ผ่านมา

นายชุณห์ โภไคศวรรย์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการเงินและงบประมาณ/นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านสินค้าไลฟ์สไตล์ โมชิ โมชิ (Moshi Moshi) กล่าวว่า ภาพรวมกำลังซื้อในไทยช่วงไตรมาสสองยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง และมีแรงหนุนจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย

 

บริษัทมีแผนเปิดแบรนด์ร้านใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยจะใช้คอนเซปต์ “ชิคแอนด์ คูล” กลุ่มสินค้าจะมีผลิตภัณฑ์ น้ำหอม และแบรนด์เครื่องหอมต่างๆ ซึ่งแบรนด์ใหม่ จะใช้เปิดสาขาในรูปแบบ ชอป อินชอป พื้นที่ขนาด 150 ตรม. อยู่ในร้าน โมชิ โมชิ โดยสาขาแรกที่ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ที่มีการรีโนเวทสาขาใหม่ และมีขนาดพื้นที่ 613 ตร.ม. ส่วนกลุ่มลูกค้าจะเน้นกลุ่มผู้ใหญ่ ไม่เหมือนโมชิ เน้นกลุ่มสินค้าที่น่ารัก และมีกลุ่มเป้าหมายอายุ 18-35 ปี ส่วนแผนการขยายสาขาแบรนด์ร้านใหม่ จะมีการพิจารณาต่อไป

สำหรับการเข้าซื้อแบรนด์ โอเค เสตชั่น (OK Station) ร้านเครื่องเขียนจากสำเพ็ง ในช่วงที่ผ่านมา เป็นร้านดำเนินธุรกิจรูปแบบธุรกิจซื้อมาขายไป เพื่อร่วมเสริมพอร์ตธุรกิจให้แข็งแกร่งมากขึ้น จากในปัจจุบันร้าน โมชิ โมชิ เน้นกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์เป็นหลัก ส่วนร้านโอเค สเตชั่น จะเน้นสินค้ากลุ่มเครื่องเขียน โดยแบรนด์ใหม่นี้บริษัทยังไม่มีแผนขยายสาขาใหม่เพิ่มเติม แต่เป็นผลดีต่อการขยายกลุ่มสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทมีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศในสัดส่วน 54% และสินค้าในประเทศ 46% ขณะที่แผนการซื้อแบรนด์เพิ่มเติมใหม่ในอนาคต หากมีแบรนด์ที่มีความน่าสนใจบริษัทก็พร้อมพิจารณาต่อไป

 

แผนการขยายร้านของโมชิ โมชิ ในปีนี้ วางแผนเปิดสาขาใหม่ต่อปีที่ 20 สาขา โดยช่วงไตรมาสแรกเปิดไปแล้ว 3 สาขา ไตรมาสสองจะเปิดเพิ่ม 5 สาขา โดยตามเป้าหมายจะมีสาขาครบ 125 สาขา ภายในปี 2566 จากในปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการรวม 109 สาขา ครอบคลุม 44 จังหวัดทั่วประเทศ ส่วนงบประมาณในการขยายธุรกิจปีนี้อยู่ที่ 130 ล้านบาท ทั้งใช้ในการขยายสาขาและการลงทุนระบบไอที

พร้อมกันนี้มีแผนขยายธุรกิจสู่แฟรนไชส์ในปี 2567 โดยอยู่ระหว่างวางแผนเปิดสาขาใหม่ ที่เป็นสาขาเดี่ยวเพื่อศึกษาตลาดและใช้เป็นโมเดลต้นแบบคาดว่าจะเปิดได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566  ส่วนปีถัดไป 2568 จะขยายสาขาไปสู่ตลาดต่างประเทศ ในกลุ่ม ซีแอลเอ็มวี ซึ่งตามแผนภายในปี 2568 จะมีสาขารวมเปิดให้บริการ 165 สาขา

"ภาพรวมไตรมาสสองนี้ ยังเดินหน้าขยายสินค้าใหม่ ทั้งการเพิ่มสินค้ากลุ่มสัตว์เลี้ยง การขยายกลุ่มสินค้าความงามมากขึ้น ที่สร้างอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี การเปิดสาขาใหม่ และมีการคอลแลปศิลปินไทย 3 ราย รวมถึงการเปิดตัวระบบสมาชิกครั้งแรกที่จัดทำสิทธิประโยชน์แก่ลูกค้า และขยายสู่ช่องทางออนไลน์ใหม่ TikTok พร้อมมีแผนออกสินค้าใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นสาขาเดิมให้เติบโต"

ขณะที่ภาพรวมรวมรายได้ของบริษัทช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 อยู่ที่ 562.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากการยอดขายของสาขาเดิมที่เติบโต กลุ่มสินค้าวันเด็กและปีใหม่มีการเติบโตดี และการฟื้นตัวของสาขาที่ห้างแพลตตินั่ม ที่มีกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ทั้งนี้บริษัทมีความมั่นใจว่า ภายในสิ้นปี 2566 รายได้จะเติบโต 20%