‘เซ็ปเป้’ หาน่านน้ำใหม่เร่งโต สานเป้าขาย “หมื่นล้านบาท”

‘เซ็ปเป้’ หาน่านน้ำใหม่เร่งโต  สานเป้าขาย “หมื่นล้านบาท”

“เซ็ปเป้” ผนึกมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ลุยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสมุนไพร ภายใต้แบรนด์ “เซ็ปเป้ อินหยาง เอ็กซ์ หัวเฉียว” เจาะผู้บริโภควัยเกษียณสำราญ กำลังซื้อสูง พร้อมชิงเค้ก 7.5 หมื่นล้านบาท

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กลยุทธ์ความร่วมมือหรือ Collaboration ของ “เซ็ปเป้” ค่อนข้างเชิงรุก ทั้งควงเวิร์คพอยท์ฯ นำคาแร็กเตอร์ “ครูเพ็ญศรี” ทำตลาดลูกอม ผนึก “ตะขาบ” ผลิตเครื่องดื่มสมุนไพร และจับมือ “Dek-D” เปิดตัวเครื่องหอมสมุนไพร และเม็ดอมเจาะเจนเนอเรชั่นซี(Gen Z) ล่าสุดร่วมกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ปั้นแบรนด์ “เซ็ปเป้ อินหยาง เอ็กซ์ หัวเฉียว” เพื่อตอบผู้บริโภคสูงวัยหรือ Silver Age รองรับไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุเต็มตัว

ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) เล่าถึงโปรเจคดังกล่าว เพราะมองโอกาสตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในไทยมูลค่าสูงถึง 7.5 หมื่นล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5-8% ต่อปี ยิ่งมองตลาดโลกมีขนาดใหญ่มาก 1.6 แสนล้านดอลลาร์ เติบโตราว 7-8% ต่อเนื่อง โดยหนึ่งในเทรนด์ผู้บริโภคที่สร้างแรงส่งให้ตลาดขยายตัว เพราะผู้คนหันมารักสุขภาพใส่ใจตัวเองในการป้องกันไม่ให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บมากขึ้น

ส่วนการปั้นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสมุนไพรจีนเป็นครั้งแรกของ “เซ็ปเป้” จึงพึ่งพลังมหาวิทยาลัยหัวเฉียวฯ ที่มีความเข้มแข็งด้านจีนศึกษาและวิทยาศาสตร์สุขภาพ เชี่ยวชาญในด้านศาสตร์การแพทย์แผนจีนจนได้รับการยอมรับในไทยมายาวนาน ผสานกับจุดแข็งของบริษัทในการเป็นผู้นำด้านสินค้าอาหารและเครื่องดื่มนวัตกรรม สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ รวมถึงการทำตลาดเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค

สำหรับ เซ็ปเป้ อินหยาง เอ็กซ์ หัวเฉียว มี 2 สูตร ได้แก่ สูตรสดชื่น (กล่องแดง) เพื่อบำรุงกำลัง ราคากล่องละ 1,200 บาท และ สูตรใจสงบ (กล่องน้ำเงิน) ช่วยลดความเครียด ราคากล่องละ 1,600 บาท เน้นจำหน่ายผ่านช่องทางร้านขายยา รวมถึงออนไลน์ ผ่านมาร์เก็ตเพลส และขยายสู่ช่องทางร้านสเปเชียลสโตร์ ฯ

นอกจากนี้ ยังวาางแผนพัฒนาสินค้าใหม่ร่วมกัน เพื่อเข้าทำตลาดต่อเนื่อง ซึ่งภายใน 5 ปี บริษัทวางเป้าหมายยอดขายรวม 500 ล้านบาท

ด้านรศ.ดร.อุไรพรรณ เจนวาณิชยานนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า การร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่กับเซ็ปเป้ เนื่องจากเป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหาร มีความเชี่ยวชาญสูงในด้านการผลิตและพัฒนาสินค้านวัตกรรม จึงมั่นใจว่าการออกผลิตภัณฑ์ใหม่จะตอบโจทย์ผู้บริโภคสูงวัย

อาจารย์แพทย์จีน วีรชัย สุทธิธารธวัช อาจารย์ประจำคณะการแพทย์แผนจีน กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารขององค์การอาหารและยาอย่างถูกต้อง มีการจดอนุสิทธิบัตร โดยมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติเป็นผู้ถือสิทธิชนิดสมุนไพรที่ใช้ในสูตร ส่วนเซ็ปเป้ เป็นผู้ถือสิทธิอนุสิทธิบัตรรายการสูตรตำรับของสินค้า ภายใต้ระยะเวลาหนึ่ง

ด้านแผนงานของเซ็ปเป้ ในการสานเป้าหมายยอดขาย “หมื่นล้านบาท” ทาง “ปิยจิต” ย้ำว่าภายใน 2569 บริษัทยังเดินหน้าหาน่านน้ำใหม่ เพื่อสร้างการเติบโต รวมถึงวางแผน “ลงทุน” กว่า 1,000 ล้านบาท ผลักดันยอดขาย แบ่งเป็น ปี 2566 จะใช้งบราว 800 ล้านบาท เพื่อสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติในพื้นที่โรงงานผลิต ที่ปทุมธานี เพิ่มไลน์การผลิตสินค้า และแนวทางการลดต้นทุน ฯ ส่วนปี 2567 จะใช้งบลงทุนปกติ(CAPEX)ราว 200 ล้านบาท เพื่อดูแลรักษาเครื่องจักร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

ส่วนภาพรวมธุรกิจเครื่องดื่มปี 2566 คาดการณ์ขยายตัวขึ้น โดยครึ่งปีหลัง มีปัจจัยบวกจากนักท่องเที่ยวเยือนไทยมากขึ้น กระตุ้นการบริโภค แต่เมื่อลดลงลึก "เครื่องดื่มฟังก์ชันนอล" กลับมีการ "หดตัว"เกือบ 10% ส่วนหนึ่งมาจากตลาดน้ำผสมวิตามิน หรือวิตามิน วอเตอร์ ลดความร้อนแรง เมื่อโควิดคลี่คลาย และผู้เล่นหายไปจากตลาด

อย่างไรก็ตาม  ปี 2566 บริษัทยังเดินหน้าออกสินค้าใหม่เกือบ 20 รายการ เข้าทำตลาด รวมถึงขยายตลาดส่งออกซึ่งปัจจุบันครอบคลุม 98 ประเทศทั่วโลก มีอานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อน หนุนยอดขาย เนื่องจากสัดส่วนทำเงินมากถึง 85% และในประเทศ 15% โดยภาพรวมยอขายปี 2566 ตั้งเป้าโต 25% จากปีก่อนยอดขาย 4,500 ล้านบาท

“ไฮซีซีซั่นการขายของเซ็ปเป้คือไตรมาส 2-3 เพราะเป็นหน้าร้อนของตลาดในและต่างประเทศ เงินบาทอ่อนค่าระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ ยังเป็นปัจจัยบวกกต่อการเติบโต ขณะที่ภาวะต้นทุนยังมีความเปราะบาง เพราะค่าไฟฟ้าสูงมาก ราคาวัตถุดิบยังไม่อ่อนตัวลง รวมถึงแนวโน้มการขึ้นค่าแรงเป็น 450 บาทต่อวัน อาจส่งผลกระทบต่อบริษัท"