‘สหพัฒน์’ จับมือ ‘กฟผ.’ ผุดอีวีสเตชั่น นำร่องใช้สวนอุตสาหกรรม 4 แห่งของเครือ

‘สหพัฒน์’ จับมือ ‘กฟผ.’ ผุดอีวีสเตชั่น  นำร่องใช้สวนอุตสาหกรรม 4 แห่งของเครือ

สพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง ลงนามความร่วมมือ กฟผ.พัฒนา “อีวี สเตชั่น” ส่งเสริมระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย วางเป้าหมายนำไปใช้ในพื้นที่ของเครือสหพัฒน์ ควบคู่การส่งเสริมระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย

รถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรืออีวี มีบทบาทมากขึ้นทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เพราะหนึ่งในนั้นคือการมีส่วนช่วยลดมลภาวะให้โลก การมุ่งสู่ความยั่งยืนอีกมิติ และภาคธุรกิจกลายเป็นส่วนที่ลุกขึ้นมาพลิกการสานภารกิจดังกล่าว

เครือสหพัฒน์ ไม่เพียงเป็นองค์กรสินค้าอุปโภคบริโภคเก่าแก่กว่า 70 ปีของเมืองไทย แต่ยังสร้างรายได้ระดับ “แสนล้านบาท” ต่อปี ภายใต้เครือมีบริษัทมากมายนับ “ร้อย” ทำหน้าที่ผลิตสินค้าและบริการ ของกิน ของใช้ เสื้อผ้า แฟชั่น สวนอุตสาหกรรม ฯ ล่าสุดบริษัทในกลุ่มได้ เดินหน้าสร้างอีวี สเตชั่น ภายในสวนอุตสาหกรรมด้วย

นายวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI เปิดเผยว่า เครือสหพัฒน์ โดยบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจหรือ MOU กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกันพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้า หรือ EV Charging Station เพื่อสนับสนุนการพัฒนาในทุก ๆ มิติของระบบนิเวศน์ยานยนต์ไฟฟ้าครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ของเครือฯ

ทั้งการพัฒนาและติดตั้งสถานีชาร์จ EV (EleX by EGAT) การร่วมพัฒนาแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงเครือข่ายข้อมูล และ สื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ ให้เป็นโครงการต้นแบบแก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันยกระดับและขับเคลื่อนระบบนิเวศน์ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้มีความปลอดภัย สะดวก คุ้มค่า และเกิดประโยชน์ต่อสังคมสูงสุด

‘สหพัฒน์’ จับมือ ‘กฟผ.’ ผุดอีวีสเตชั่น  นำร่องใช้สวนอุตสาหกรรม 4 แห่งของเครือ วิชัย กุลสมภพ

ที่สำคัญยังตอบรับนโยบายด้านพลังงานของประเทศที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) มุ่งส่งเสริมระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง ในฐานะผู้พัฒนาสวนอุตสาหกรรมทั้ง 4 แห่งของเครือสหพัฒน์ ได้ดำเนินวิสัยทัศน์เพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืนนี้มาอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับแนวคิดที่สำคัญของเครือสหพัฒน์ในการดำเนินธุรกิจที่ว่า คนดี สินค้าดี สังคมดี ส่งเสริมการสร้างงานที่มีคุณค่า พัฒนาอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพ สร้างสินค้าและบริการที่ดีสู่ผู้บริโภค

“นอกเหนือจากการลงทุนในพลังงานสะอาดแล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นพัฒนาด้านอื่นๆ ควบคู่ไปด้วยเพื่อตอบสนองความต้องการและการเติบโตที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจ พร้อมนำโมเดลธุรกิจและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้พัฒนาสวนอุตสาหกรรมของเครือสหพัฒน์ สู่การเป็นสวนอุตสาหกรรมอัจฉริยะ หรือ Smart Industrial Park อย่างแท้จริง เพื่อให้บริษัทฯ และพันธมิตรเติบโตอย่างยั่งยืน” นายวิชัย กล่าว

 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งดำเนินธุรกิจควบคู่การรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ซึ่งนอกจากจะเป็นกลยุทธ์ขององค์กรเพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืน เสริมความแข็งแกร่งให้กับบทบาทของเครือฯ ในการสนับสนุนการพัฒนาพลังงานสะอาดให้กับประเทศไทยแล้ว ความร่วมมือในครั้งนี้ยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “Success with Synergy and Sharing” มุ่งมั่นสร้างความสำเร็จจากการรวมพลังและการแบ่งปันด้วย

‘สหพัฒน์’ จับมือ ‘กฟผ.’ ผุดอีวีสเตชั่น  นำร่องใช้สวนอุตสาหกรรม 4 แห่งของเครือ ยกไปทั้งตระกูล "โชควัฒนา" นำโดย เจ้าสัวบุณยสิทธิ์-บุญเกียรติ โชควัฒนา และทายาท ผู้บริหารเครือสหพัฒน์-กฟผ.

ด้านนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า การร่วมมือกับเครือสหพัฒน์ ภายใต้บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง เชื่อมั่นว่าทั้ง 2 องค์กรสามารถนำความเชี่ยวชาญและจุดแข็งของตนเองมาร่วมกันพัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้

ปัจจุบันทั้ง 2 หน่วยงาน ได้ร่วมกันดำเนินการพัฒนาและเปิดให้บริการสถานีชาร์จ EleX by EGAT ที่บริเวณอาคารจอดรถ ชั้น C2 ศูนย์การค้า เจ พาร์ค ศรีราชา นิฮอน มูระ และได้ร่วมกันศึกษาแนวทางการต่อยอดสถานีชาร์จในบริเวณพื้นที่ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาของเครือสหพัฒน์ ได้แก่ อาคารสำนักงานให้เช่า KingBridge Tower โครงการที่อยู่อาศัย KingsQuare Residence รวมถึงการต่อยอดธุรกิจด้านยานยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่สวนอุตสาหกรรมด้วย

อย่าไรก็ตาม กฟผ. พัฒนาระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร ทั้งเป็นผู้ให้บริการสถานีชาร์จ EleX by EGAT พัฒนาแอปพลิเคชัน EleXA สำหรับใช้งานสถานีชาร์จฯ รวมถึงเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับบริหารจัดการสถานีชาร์จ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สนใจลงทุนติดตั้งสถานีอัดชาร์จด้วยตนเอง โดยการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้านอกจากจะช่วยสนับสนุนนโยบายภาครัฐ 30@30 ยังเป็นการผลักดันให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำ และขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุ เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 อีกด้วย