‘ลอรีอัล’ชูบิวตี้เทคขยายฐานลูกค้า ดันทุกกลุ่มสินค้ารั้งเบอร์1ปี67

‘ลอรีอัล’ชูบิวตี้เทคขยายฐานลูกค้า  ดันทุกกลุ่มสินค้ารั้งเบอร์1ปี67

ยักษ์ใหญ่ความงามโลก ลอรีอัล ประเมินตลาดความงาม ไทยปี 2566 กลับมาโตเท่าก่อนเกิดโควิด เปิดปี 2566 เร่งขยาย 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ผลิตภัณฑ์น้ำหอม ชูบิวตี้เทค มั่นใจสิ้นปี 2567 ขึ้นเบอร์หนึ่งในไทยทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม

ลอรีอัล แบรนด์ความงามระดับโลกอายุ 110 ปี ครอบคลุม 36 ผลิตภัณฑ์หลัก เข้าทำตลาดในไทยตั้งแต่ปี 2543 รวมกว่า 23 ปี มีด้วยผลิตภัณฑ์หลัก 15 แบรนด์ โดยมีเรือธงอย่างแบรนด์ "การ์นิเย่" แบรนด์ เมคอัพ “เมย์เบลลีน นิวยอร์ก” และแบรนด์เครื่องสำอาง “ลอรีอัล ปารีส

โดยเกมรุกของลอรีอัลภายใต้การนำทัพของ “แพทริค จีโร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย พม่า ลาว และกัมพูชา กล่าวว่า ไทยเป็นตลาดศักยภาพอยู่ใน 20 อันดับแรกของ ลอรีอัล กรุ๊ปทั่วโลก รวมถึงยังติดอันดับ 5 ของภูมิภาคนี้ที่เรียกว่า SAPMENA ประกอบไปด้วย เอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง และ แอฟริกาเหนือ

หากประเมินภาพรวมตลาดความงามของไทยในปี 2566 คาดว่าจะกลับมาขยายตัวใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด จากการกลับมาใช้ชีวิตปกติของผู้คน การเปิดประเทศรอบใหม่ และแรงซื้อจากกลุ่มคนชั้นกลางในไทยที่มีจำนวนกว่า 7 ล้านคน โดยในปี 2565 ตลาดรวมความงามไทยมีมูลค่าประมาณ 1.49 แสนล้านบาท ขยายตัว 9.5% ประเมินตลาดรวมของไทยในปี 2566 มีโอกาสกลับมาขยายได้ประมาณ 15%

สำหรับตลาดความงามในโลก มีมูลค่า 9.4 ล้านล้านบาท ในปี 2565 เติบโต 6% ส่วนลอรีอัลในทั่วโลก มียอดขายรวม 3.83 หมื่นล้านยูโร เติบโต 10.9% สอดคล้องกับตลาดไทยที่มีการขยายตัวระดับสองหลักในปีที่ผ่านมา และเห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดในไทย ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่มีการขยายตัวสูง เนื่องจากผู้บริโภคคนไทยสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้เติบโตเร็วกว่า ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแล้ว โดยเฉพาะแบรนด์ “เซราวี” (CeraVe) ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน ซึ่งภาพรวมกลุ่มเวชสำอาง ทั้งแบรนด์ ลา โรช-โพเซย์, วิชี่ และเซราวี เติบโตสูงถึง 2 เท่าในเวลา 3 ปี

‘ลอรีอัล’ชูบิวตี้เทคขยายฐานลูกค้า  ดันทุกกลุ่มสินค้ารั้งเบอร์1ปี67

แผนของลอรีอัลในไทยปี 2566 เตรียมที่จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามในไทย 4 กลุ่มหลักได้แก่ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง (เมคอัพ) กลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอาง และกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอม นำเสนอทั้งความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ซึ่งที่ผ่านมา ลอรีอัล ทั่วโลกมีการใช้งบลงทุนวิจัยและพัฒนา 1,000 ล้านยูโร หรือ 3% ของยอดขาย รวมถึงบริษัทจะมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืน ที่เปลี่ยนสู่การใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติมากถึง 61% และวางเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 95% ภายในปี 2573

พร้อมมุ่งสู่ผู้นำด้านบิวตี้เทค (Beauty Tech) ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี เอไอ และ ดาต้า และนำเสนอแนวคิด “Beauty for Each” ความงามที่เหมาะกับแต่ละบุคคล ที่ทุกคนสามารถสวยงามในแบบของตัวเอง จากเดิมจะนำเสนอแนวคิด “Beauty for all”

หากสำรวจพอร์ตฟอลิโอกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำตลาดในไทยมี 15 แบรนด์หลัก มีแผนขยายแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดในปีนี้โดยอยู่ระหว่างการพิจารณา เนื่องจากบริษัทแม่มีการซื้อแบรนด์ใหม่ Aesop แบรนด์เครื่องสำอางขนาดใหญ่จาก ออสเตรเลีย รวมถึงการพิจารณาแบรนด์ใหม่อื่นๆ ที่มีอยู่แล้วทั้ง 3CE จากเกาหลี และ แบรนด์ทาคามิ (Takami) จากญี่ปุ่น ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาในลำดับถัดไป

ส่วนสถานการณ์ต้นทุนราคาสินค้าที่สูงขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเงินเฟ้อที่มีผลกระทบต่อทุกคน ทำให้บริษัทมีการปรับราคาสินค้าขึ้นเล็กน้อย

“การปรับราคาครั้งนี้เล็กน้อย เพราะบริษัทเป็นผู้นำตลาดความงาม เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงก็จะมีผลต่อแบรนด์อื่นๆ ที่จะขึ้นตามด้วย”

ทั้งนี้ ลอรีอัล ได้ตั้งเป้าหมายสิ้นปี 2566 จะสร้างยอดขายในไทยเติบโตได้สองหลักต่อเนื่อง พร้อมรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และเมคอัพ พร้อมสร้างยอดขายอันดับหนึ่งในตลาดอีคอมเมิร์ซ

ขณะเดียวกันตั้งเป้าหมายว่า กลุ่มเวชสำอางและน้ำหอม ที่มีส่วนแบ่งการตลาดลำดับสองในปี 2565 จะมีส่วนแบ่งอันดับหนึ่งในปี 2566 ผลักดันให้ ภายใน 2 ปีนับจากนี้ หรือในปี 2567 ลอรีอัล จะก้าวสู่ผู้นำความงามของไทยครบทุกกลุ่มสินค้า