"เอส โฮเทล" กางแผนลงทุน 9 พันล้าน ปั้นรายได้นิวไฮทะลุ 1 หมื่นล้านปี 66

"เอส โฮเทล" กางแผนลงทุน 9 พันล้าน ปั้นรายได้นิวไฮทะลุ 1 หมื่นล้านปี 66

“เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” บริษัทลูกภายใต้เครือ “สิงห์ เอสเตท” ผู้เป็นหัวหอกในการประกอบธุรกิจลงทุนและบริหารจัดการ “โรงแรม” ระดับชั้นนำของไทย ประกาศแผนธุรกิจปี 2566 ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือ All Time High ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท!

เติบโต 20% จากปี 2565 ซึ่งปิดรายได้ที่ 8,700 ล้านบาท มากเป็นอันดับ 2 ของผู้ประกอบการโรงแรมในประเทศไทย

พร้อมกางแผนลงทุนรวมประมาณ 8,500-9,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนสำหรับซื้อและควบรวมกิจการในช่วง 3 ปีข้างหน้าราว 7,500 ล้านบาท ส่วนอีกก้อน 1,000-1,500 ล้านบาทสำหรับปรับปรุงโรงแรมเฉพาะในปีนี้

เดิร์ก เดอ คุยเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ฉายภาพที่มาของเป้าหมายรายได้บริษัทแตะหลักหมื่นล้านบาทว่า ปัจจัยหลักมาจากการปรับเพิ่ม “ราคาห้องพัก” (ADR) ของโรงแรมทั้งพอร์ตโฟลิโอที่ปัจจุบันเปิดให้บริการรวม 37 แห่งกระจายใน 5 ประเทศ ได้แก่ สหราชอาณาจักร มัลดีฟส์ ไทย ฟิจิ และมอริเชียส โดยเฉลี่ยเพิ่ม 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

“แผนการดำเนินงานที่จะผลักดันให้รายได้บริษัท สามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมายนั้น มาจากจุดแข็งของ SHR ในด้านความหลากหลายของพอร์ตโฟลิโอ ดึงดูดลูกค้าได้หลากหลายกลุ่มจากทั่วโลก”

โดยหลังการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ คาดว่าโรงแรมในเครือที่ประเทศไทยทั้ง 4 แห่งจะเป็นฟันเฟืองหลักในการผลักดันการเติบโตของปี 2566 ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ประมาณ 60% จากปีที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วน 16% ของรายได้รวมบริษัท ในขณะที่รายได้จากโรงแรมในมัลดีฟส์และสหราชอาณาจักรจะเติบโตขึ้น 30% และ 10% จากปีแล้ว คิดเป็นสัดส่วน 31% และ 36% ตามลำดับ

“ปีนี้เราคาดว่าอัตราการเข้าพักของโรงแรมในเครือทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 75% เมื่อเทียบกับปี 2565 ซึ่งบริษัทสามารถรายงานผลกำไรที่พลิกกลับมาเป็นบวกได้สำเร็จ จากอัตราการเข้าพักที่ระดับเพียง 60% ดังนั้น เราเชื่อมั่นว่าเป้าหมายอัตราการเข้าพักที่ระดับ 75% จะเป็นตัวขับเคลื่อนผลกำไรของบริษัทในปีนี้ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อสร้างฐานกำไรใหม่สำหรับรองรับการขยายการเติบโตในอนาคต”

\"เอส โฮเทล\" กางแผนลงทุน 9 พันล้าน ปั้นรายได้นิวไฮทะลุ 1 หมื่นล้านปี 66

ทั้งนี้ บริษัทวางกลยุทธ์ขยายพอร์ตธุรกิจผ่าน 3 แนวทางสำคัญ ได้แก่ 1.การหมุนเวียนและต่อยอดการลงทุนสินทรัพย์ (Asset Rotation & Enhancement) โดยจะทำการ “ขายสินทรัพย์” ที่มีการเติบโตจนเต็มมูลค่าแล้วเพื่อนำรายได้จากการขายผนวกกับการลงทุนเพิ่มเติมอีกราว 16 ล้านปอนด์ ไปพัฒนาสินทรัพย์ศักยภาพสูงที่สามารถสร้างการเติบโตต่อไปได้ในอนาคต โดยกลุ่มโรงแรมที่บริษัทให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ คือธุรกิจใน “สหราชอาณาจักร” จะทำให้ปรับขึ้นอัตราราคาห้องพักได้ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 90 ปอนด์ หรือเพิ่มขึ้นราว 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ด้านสินทรัพย์อื่นๆ ที่อยู่ในแผนการปรับปรุงและพัฒนาของบริษัทนั้น ยังรวมถึงโครงการ “ครอสโรดส์ มัลดีฟส์” ซึ่งได้ดำเนินการพัฒนาปรับปรุงห้องพัก (Product Enhancement) ในเฟสแรกเสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อเดือน ธ.ค.2565 และในปีนี้ได้มีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น แกลลอรี่ท้องถิ่น คาเฟ่พร้อมเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (Virtual Reality Café) หรือท่าจอดเรือซูเปอร์ยอชต์ขนาดใหญ่ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าประทับใจ

และเตรียมเดินหน้าพัฒนาโครงการต่อที่ “ทราย รีสอร์ท” จำนวน 2 แห่งในไทย ได้แก่ ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ และ ทราย ลากูน่า ภูเก็ต ซึ่งมีแผนที่จะปรับปรุงตั้งแต่ปี 2566-2567 ขณะที่โรงแรม “เอาท์ริกเกอร์ ฟิจิ บีช รีสอร์ท” เริ่มแผนการปรับปรุงแล้วตั้งแต่เดือน ต.ค. 2565 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 นี้ เพื่อรองรับเทศกาลแห่งการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี

“ด้วยแผนรีโนเวตโรงแรมภายใต้งบลงทุนประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาทเฉพาะในปีนี้ คาดว่าจะช่วยให้เราสามารถบรรลุแผนในการปรับราคาห้องพักสำหรับห้องที่ทำการปรับปรุงขึ้นได้อีกราว 15-40% ขึ้นกับโลเกชัน”

2.การวางงบลงทุนเพื่อซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) ตลอดระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ตั้งแต่ปี 2566-2568 อยู่ที่ประมาณ 7,500 ล้านบาท โดยยังคงพุ่งเป้าไปที่จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยว (Leisure Destination) เพื่อสร้างความหลากหลายให้แก่พอร์ตโฟลิโอ สร้างความเติบโตที่ยั่งยืนในด้านรายได้ และยังสามารถลดความผันผวนทางฤดูกาล (Seasonal Effect) ของโรงแรมในเครือได้อีกด้วย โดยเบื้องต้นกำลังศึกษาสินทรัพย์ในแถบชายฝั่งทะเลเอเชียและแปซิฟิก รวมถึงประเทศไทย ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และมหาสมุทรอินเดีย อาทิ กรีซ โปรตุเกส มอริเชียส บาหลี (อินโดนีเซีย) เวียดนาม และญี่ปุ่น

และ 3.การขยายกิจการด้วยโมเดลธุรกิจแบบ Asset Light ทั้งการร่วมทุน รับบริหารโรงแรม และขายแฟรนไชส์ ซึ่งจะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอีกทางหนึ่ง โดยได้มีการพัฒนาร่วมทุนกับพันธมิตร เช่น SO/ Maldives” ไลฟ์สไตล์สุดทันสมัยในโครงการแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกที่พร้อมจะเปิดตัวโครงการไตรมาส 4 ปีนี้ ถือเป็นโรงแรมแห่งที่ 38 ในเครือเอส โฮเทลฯ

\"เอส โฮเทล\" กางแผนลงทุน 9 พันล้าน ปั้นรายได้นิวไฮทะลุ 1 หมื่นล้านปี 66