"ทริปดอทคอม" ยักษ์ OTA แดนมังกร เปิดอินไซต์ ทัวริสต์จีน มองหาประเทศเป็นมิตร!

"ทริปดอทคอม" ยักษ์ OTA แดนมังกร เปิดอินไซต์ ทัวริสต์จีน มองหาประเทศเป็นมิตร!

“ทริปดอทคอมกรุ๊ป” ยักษ์ท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agent : OTA) เจ้าของมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ในตลาดแดนมังกร เด้งรับ “จีนเปิดประเทศ” ยกเลิกมาตรการกักตัวขาเข้า มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 เป็นต้นไป ใส่เกียร์รุกทำตลาดทันที!

กระตุ้นการเดินทางของ นักท่องเที่ยวจีน กลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ออกไปเที่ยวต่างประเทศในรอบ 3 ปีนับตั้งแต่โควิด-19 ระบาด

หลังจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา “ทริปดอทคอม” (Trip.com) ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของผู้ให้บริการจองการเดินทางออนไลน์จากทั่วโลก โดยได้ให้บริการจองการเดินทางหลายล้านคำสั่งจองผ่านทั้ง 48 เว็บไซต์ซึ่งให้บริการใน 24 ภาษา มียอดจองเฉลี่ยผ่านแอปพลิเคชันเติบโตถึง 127% ต่อปี และยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเติบโตถึง 101% ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 2563-2564 ที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ในจุดสูงสุด ทำให้เห็นว่าการท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังจะกลับมาคึกคักเหมือนเดิม!

พร้อมเดินหน้าสู่ความเป็นผู้นำด้านการให้บริการจองการเดินทางออนไลน์แห่ง “เอเชีย” ด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศร่วมกับองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ สายการบิน และเครือโรงแรมต่างๆ

ซุน เทียนซู รองประธานกรรมการ ทริปดอทคอมกรุ๊ป ฉายภาพการฟื้นตัวของตลาด “นักท่องเที่ยวจีน” ว่า หลังทางการจีนผ่อนคลายมาตรการเดินทาง พบว่ายอดการค้นหาและยอดจองสินค้าท่องเที่ยวพุ่งขึ้นเป็นกราฟเส้นตรง 90 องศาทันที! เห็นดีมานด์ “การท่องเที่ยวต่างประเทศ” สูงมาก แต่ปัญหาใหญ่คือ “ไม่มีเที่ยวบิน” เพียงพอกับความต้องการ ทำให้ช่วงหยุดยาว “เทศกาลตรุษจีน” ปีนี้ มีชาวจีนออกเดินทางได้ค่อนข้างน้อย

“ในช่วงแรกของการฟื้นตัว นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศจะเป็นกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ส่วนกลุ่มเดินทางเป็นหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลจีนยังห้ามไม่ให้บริษัททัวร์พาชาวจีนออกไปเที่ยวต่างประเทศ จึงต้องรอประกาศอนุญาตอย่างเป็นทางการก่อน”

ทั้งนี้ประเมินว่าตลาดกรุ๊ปทัวร์น่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีสัดส่วนแค่ 20% ของชาวจีนออกเที่ยวต่างประเทศทั้งหมดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และเมื่อกลับสู่ภาวะปกติ โครงสร้างตลาดชาวจีนเที่ยวต่างประเทศจะเปลี่ยนไป จากก่อนโควิด-19 ระบาด ตลาดกรุ๊ปทัวร์ครองสัดส่วนมากกว่าที่ 60-70% แต่ในยุคหลังโควิด สัดส่วนกรุ๊ปทัวร์จะลดลงเหลือ 50% เท่ากับกลุ่ม FIT

“เราคาดการณ์ด้วยว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ภาพรวมการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเท่ากับช่วงเดียวกันของปี 2562 แน่นอน หรืออาจมากกว่าด้วยซ้ำ ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของจำนวนไฟลต์บินล้อตามดีมานด์”

และจากข้อมูลล่าสุดนับตั้งแต่จีนประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวขาเข้า ทริปดอทคอมกรุ๊ปพบว่า ชาวจีนมีการค้นหาจุดหมายปลายทางยอดนิยมในต่างประเทศสูงมาก อันดับ 1 คือ “ประเทศไทย” รองลงมาคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และออสเตรเลีย โดยสนใจค้นหาสินค้าท่องเที่ยวที่ให้อารมณ์ “รีแล็กซ์” และ “ชิล” เลือกเดินทางกับเป็นครอบครัว คู่รัก และเพื่อนฝูง ทำให้โรงแรมตั้งอยู่ตามเกาะและเป็นมิตรกับกลุ่มครอบครัวได้รับความต้องการสูง ส่วนจุดหมายในไทยที่ได้รับการค้นหามากที่สุด แน่นอนว่าเป็นกรุงเทพฯและภูเก็ต รองลงมาคือเชียงใหม่ สมุย พัทยา และกระบี่ ที่ทริปดอทคอมกรุ๊ปมุ่งโปรโมทให้ชาวจีนรู้จักมากขึ้น

สำหรับสิ่งที่ชาวจีน “กังวลมากที่สุด” หลังไม่ได้ออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศนานถึง 3 ปีนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด มองว่าอันดับ 1 คือ “นโยบายการเดินทาง” ของประเทศนั้นๆ อย่างประเทศไทย ล่าสุดเพิ่งปรับกลับมาคงมาตรการเดิม นักท่องเที่ยวไม่ต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีน ทำให้ชาวจีนต้องค้นหาข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อความมั่นใจก่อนออกเดินทาง

ส่วน “ประเด็นอ่อนไหว” จากที่มีบางประเทศตั้งกฎเกณฑ์ตรวจหาเชื้อโควิด-19 จากชาวจีนก่อนเดินทางเข้าประเทศนั้นๆ มองว่าทำให้ชาวจีนต้อง “คิดมาก” และมีทัศนคติว่าอาจไม่จำเป็นต้องไปเที่ยวประเทศนั้นๆ และมองหาประเทศที่ “เป็นมิตร” (Friendly) มากกว่า ยกเว้นมีความจำเป็นต้องไปทำงานหรือเรียนในช่วงนี้

ข้อกังวลรองลงมาคือ “ความคุ้มค่า” ทั้งในเชิงราคาตั๋วเครื่องบิน แพ็กเกจท่องเที่ยว และเวลาการเดินทาง แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่มองว่าไม่ค่อยกระทบต่อกลุ่มที่ต้องการออกไปเที่ยว เพราะมีศักยภาพด้านกำลังซื้อ และทางทริปดอทคอมกรุ๊ปได้จัดเตรียมแพ็กเกจท่องเที่ยวคุ้มค่า ที่ไม่ได้มีแค่โรงแรมที่พัก แต่ยังมีประสบการณ์อื่นๆ เช่น อาหาร และนวดสปา มามัดรวมขายด้วย

“ตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยไม่น้อยกว่า 5 ล้านคนในปีนี้ มองว่าไม่น่าใช่ปัญหา ด้วยฐานประชากรจีนมากกว่า 1 พันล้านคน แต่ก็ต้องดูนโยบายและมาตรการเดินทางของทั้งฝั่งไทยและจีน รวมถึงการแข่งขันดึงนักท่องเที่ยวจีนจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ว่าจะออกกลยุทธ์ใดเพิ่มเติม”

ล่าสุด “ซีทริป” (Ctrip) แพลตฟอร์มยอดนิยมอันดับ 1 ในตลาดนักท่องเที่ยวจีนของทริปดอทคอมกรุ๊ป ได้จัดกิจกรรม “Super World Trip” ขึ้นเมื่อวันที่ 11 ม.ค. โดยเริ่มต้นที่ “กรุงเทพฯ” เป็นสถานที่เปิดโครงการ นำทีมงานเกือบ 20 คน ยกกองมาถ่ายทำ “ไลฟ์สตรีมมิ่ง” ที่โรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ ร่วมกับทาง ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เสวนาสดนำเสนอจุดหมายด้านการท่องเที่ยว 7 เมืองหลักในไทย โปรโมชัน และนโยบายการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยล่าสุด ถือเป็นครั้งแรกของซีทริปที่ได้จัดไลฟ์สตรีมมิ่งในต่างประเทศ จากนั้นซีทริปจะเดินสายจัดกิจกรรมนี้ต่อในจุดหมายอื่น ได้แก่ ฮ่องกง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มัลดีฟส์ มาเลเซีย และสิงคโปร์

“การทำไลฟ์สตรีมมิ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์คอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งที่ได้รับความนิยมสูงมากในประเทศจีน เพื่อเล่าและโชว์ (Tell & Show) ให้ชาวจีนเห็น ตั้งแต่ขั้นตอนการขอวีซ่า ขึ้นลงเครื่องบินว่าต้องทำอะไรบ้าง โดยเราตั้งเป้ามียอดวิวรวมจากการไลฟ์ฯครั้งนี้ไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน”