ญี่ปุ่นดึงไทยเที่ยว "คิวชู" แตะ 1 แสนปี 68 ชูราคาต่ำกว่า “โตเกียว-โอซาก้า”
ภูมิภาค “คิวชู” ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น มีจังหวัดใหญ่ที่สุดอย่าง “ฟูกุโอกะ” เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคฯซึ่งพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวราว 10-15% ของจีดีพี รองจากภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม
เป้าหมายหลักของภูมิภาคคิวชู มุ่งขับเคลื่อนรายได้ภาคการท่องเที่ยวสู่การเป็นรายได้หลัก! เมื่อปลายปี 2565 ทางสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) ได้รับเชิญให้นำคณะผู้ประกอบการบริษัททัวร์เอาต์บาวด์ ซึ่งเป็นบริษัททัวร์พาคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ รวมกว่า 50 คนเดินทางทัศนศึกษาสำรวจสินค้าท่องเที่ยวและบริการในภูมิภาคคิวชู โดยเฉพาะเมือง “นางาซากิ” และ “ซากะ” ซึ่งเป็นเมืองรองที่นักท่องเที่ยวไทยยังเดินทางมาค่อนข้างน้อย
เจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) เล่าว่า เส้นทางท่องเที่ยวภายในภูมิภาคคิวชูที่นักท่องเที่ยวคนไทยคุ้นเคย ส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางเมืองฟูกุโอกะ เชื่อมไปยังเมืองอื่นๆ ทางตอนใต้ของภูมิภาคนี้ เช่น เบปปุ โออิตะ และคุมาโมโตะ แต่ยังไม่ค่อยมาทางเมืองตอนเหนืออย่าง นางาซากิ กับ ซากะ มากนัก!
นางาซากิ และ ซากะ ถือเป็นจุดหมายที่ต้องช่วยกัน “เจียระไน” เพราะมีโปรดักต์ที่มีศักยภาพ และค่าใช้จ่ายเที่ยวในเมืองรองไม่ได้แพงเหมือนไปเมืองหลัก สามารถทำราคาขายแพ็กเกจทัวร์ได้ถูกกว่าไปโตเกียวและโอซาก้า 10% เหมาะกับการดึงคนไทยที่มาเที่ยวญี่ปุ่นบ่อยครั้งแล้วและต้องการเที่ยวซ้ำในเมืองอื่นๆ แต่อาจจะต้องเติมโปรดักต์ที่ถูกจริตคนไทยเพิ่ม เช่น ตลาดปลา สวนผลไม้ ขายบรรยากาศความเป็นชนบท และตบท้ายด้วยโปรแกรมชอปปิงที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เพื่อให้คนไทยซึ่งชื่นชอบการชอปปิงได้ละลายทรัพย์
ธนพล ชีวรัตนพร อุปนายก ทีทีเอเอ กล่าวเสริมว่า เส้นทางท่องเที่ยวในภูมิภาคคิวชูเป็นเส้นทางใหม่ ยัง “ไม่ช้ำ!” เหมือนกับเส้นทางโตเกียวและโอซาก้า โดยสามารถวางโปรแกรมเที่ยวเชื่อมเมืองนางาซากิและซากะได้ เช่น โปรแกรม 6 วัน 4 คืน พักฟูกุโอกะ 1 คืน นางาซากิ 1 คืน ซากะ 1 คืน และเบปปุ 1 คืน เหมาะกับการพักผ่อนเพราะมี “ย่านออนเซ็น” ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ และครบเครื่องตรงที่เมืองฟูกุโอกะโดดเด่นเรื่องชอปปิงไม่แพ้นาโกย่าและโอซาก้า คาดว่าไตรมาส 1 ปี 2566 จะเริ่มเห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรม มีผู้ประกอบการทัวร์เสนอขายเส้นทางเชื่อมสู่เมืองนางาซากิและซากะมากขึ้น
ทั้งนี้ เมืองนางาซากิน่าจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทย เพราะจากการรับรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ นางาซากิเป็นหนึ่งในเมืองที่ถูกระเบิดปรมาณูช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงอยากเดินทางมาดูสภาพบ้านเมืองว่าเป็นอย่างไรบ้าง โดยปัจจุบันเป็นเมืองท่าสำคัญของประเทศ มีคนนั่งเรือครุยส์มาเที่ยวก็มาก
“ราคาแพ็กเกจทัวร์มาคิวชูปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาทต่อคน ช่วงเทศกาลอาจปรับเพิ่มเกิน 40,000 บาทต่อคน ถูกกว่าแพ็กเกจทัวร์ไปโตเกียวและโอซาก้า ผู้ประกอบการทัวร์สามารถวางเส้นทางเชื่อมโยงจากเมืองในภูมิภาคคิวชู ไปยังนาโกย่าและโอซาก้าได้”
ชิบาตะ โทชิยูกิ รองผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคคิวชู ฉายภาพว่า นักท่องเที่ยวไทยส่วนมากเดินทางไปภูมิภาคคันโต มีกรุงโตเกียวเป็นจุดหมายหลัก แต่จริงๆ แล้วนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาภูมิภาคคิวชู เพื่อสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวอันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น เช่น อาหาร ออนเซ็น กิจกรรมท่องเที่ยวน่าสนใจอื่นๆ และชอปปิง ซึ่งมี “แหล่งชอปปิง” ให้คนไทยได้ “ละลายทรัพย์” จำนวนมาก ไม่แพ้โตเกียว
ทั้งยังใช้เวลาเดินทางใกล้กว่า ราคาตั๋วเครื่องบินย่อมเยากว่า! ปัจจุบันมีสายการบินให้บริการเส้นทางบินประจำ “กรุงเทพฯ-ฟูกุโอกะ” จำนวน 3 สายการบิน ได้แก่ การบินไทย ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ และไทยเวียตเจ็ท ทั้งนี้ ได้รุกโปรโมทพร้อมอัพเดตโปรดักต์ท่องเที่ยวแก่ตลาดคนไทยผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น รถไฟหรูหราซึ่งมีกว่า 20 ขบวนหลากรูปแบบของ JR Kyushu เป็นต้น
โดยเมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในภูมิภาคคิวชูรวม 4,222,099 คน มีชาวไทยเดินทางเข้ามามากเป็นอันดับ 5 ด้วยจำนวน 59,885 คน รองจากอันดับ 1 เกาหลีใต้ 1,700,432 คน ตามด้วยไต้หวัน 422,924 คน ฮ่องกง 316,466 คน และจีน 302,735 คน
“เราตั้งเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางมาเที่ยวภูมิภาคคิวชูให้ได้ถึง 1 แสนคนภายในปี 2568”
ฮิเดะทาดะ ฟูจิซาวะ ผู้อำนวยการฝ่ายการท่องเที่ยวต่างประเทศ สมาพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดนางาซากิ เล่าว่า “นางาซากิ” ในสายตานักท่องเที่ยวอาจมีภาพจำว่าเป็นเมืองที่ถูกระเบิดปรมาณูช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ในความรู้สึกของชาวเมืองนางาซากิได้ “มูฟออน” จากสงครามซึ่งจบลงไปแล้ว ตอนนี้จึงพยายามสร้างภาพลักษณ์ใหม่ๆ ไม่ให้มีกำแพงทางความรู้สึกมากั้น ด้วยการสื่อสารแก่นักท่องเที่ยวว่านี่คือ “เมืองแห่งสันติภาพ” เพื่อมาสัมผัสและเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยเริ่มเป็นเมืองท่าค้าขาย รวมถึงอาหาร แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ และจิตวิญญาณในการต้อนรับ
ทาคาชิ นันริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดซากะ กล่าวว่า ที่ผ่านมา “ซากะ” ใช้กลยุทธ์ดึงกองถ่ายทำภาพยนตร์และซีรีส์ต่างประเทศมาใช้โลเกชั่นในเมืองซากะเป็นฉากหลัง เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวที่โดดเด่นทั้งด้านวัฒนธรรมและงานเทศกาลระดับนานาชาติ เฉพาะละครและซีรีส์ในประเทศไทยที่เคยมาถ่ายทำ มีเรื่อง “กลกิโมโน” และ “ซากะ...ฉันจะคิดถึงเธอ” สามารถเรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทย ให้มาสัมผัสจุดขายหลักของเมืองที่มีทั้งออนเซ็น สาเก และเนื้อวากิวชั้นยอด
