“บัดดี้มาร์ท” เขย่าร้านค้าปลีกชุมชน! เสนอตัวโมเดลทางเลือกพลิกโฉมโชห่วย

เส้นทางธุรกิจศูนย์ค้าส่ง "แม็คโคร" คลุกคลีกับโชห่วยมายาวนานกว่า 33 ปี ด้วยฐานลูกค้ามากกว่า 500,000 ราย เป็นจุดแข็งและฐานข้อมูลสำคัญที่ทำให้ "แม็คโคร" ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าส่งในรูปแบบชำระเงินสดและบริการตัวเอง หรือ Cash&Carry ของไทย นำมาต่อยอดไปสู่การพัฒนา "โมเดลทางเลือก" ให้ผู้ประกอบการค้าปลีกขนาดเล็กในชุมชนทั่วประเทศ ภายใต้แบรนด์ "บัดดี้มาร์ท" ร้านค้าปลีกชุมชนสมัยใหม่

ท่ามกลางกระแสร้อนแรงในสมรภูมิโชห่วยที่บรรดาทุนยักษ์ใหญ่ต่างปักหมุดปั้น "ร้านค้าชุมชน" เป็นทางเลือกใหม่สำหรับโชห่วยที่ต้องการยกระดับกิจการรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคสมัยใหม่ และเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการความสะดวกและคุ้นชินและเปิดรับเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น 

ธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร ประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้หลายคนอาจมองว่ามีผู้เล่นหลายรายเข้ามาในตลาดโชห่วยมากขึ้น! มองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้มาช่วยกันพัฒนาตลาดค้าปลีกของไทยให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

ปัจจุบันตลาดค้าปลีกไทยมีมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท โดยธุรกิจโชห่วยมีสัดส่วนถึง 55% และโชห่วยยังถือเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ SME ภาคบริการที่มีความสำคัญต่อจีดีพีของประเทศ ขณะที่ "แม็คโคร" ครองส่วนแบ่งสำคัญในตลาดค้าปลีกรายย่อยหรือโชห่วยมายาวนานและมีกิจกรรมพัฒนาลูกค้ากลุ่มนี้มาอย่างต่อเนื่อง

"แม็คโครเชื่อว่าประสบการณ์กว่า 30 ปี และด้วยกลยุทธ์บวกแผนงานที่ชัดเจนพร้อมทีมงานให้คำปรึกษาจากสาขาของแม็คโครทั้ง 147 แห่ง ใน 69 จังหวัดทั่วประเทศ บัดดี้มาร์ท จะเป็นทางเลือกให้ร้านโชห่วยที่สนใจได้พัฒนาและเพิ่มยอดขายและเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจค้าส่งค้าปลีกของกลุ่มแม็คโครให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น"

ตลอดระยะเวลาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย "แม็คโคร" เป็นธุรกิจค้าส่งที่มีโชห่วยเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าสำคัญสร้างยอดขายในอัตราส่วนถึง 30%

กว่า 30 ปีที่ผ่านมา แม็คโคร ไม่เพียงออกแบบเครื่องมือทางการตลาดที่เข้าไปตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพคนทำธุรกิจ "ค้าปลีกขนาดเล็ก" ในชุมชนให้เติบโตและปรับตัวทันการเปลี่ยนแปลงด้วยโครงการมิตรแท้โชห่วยที่มุ่งเน้นการพัฒนาร้านค้าให้อยู่รอดและเติบโตเคียงคู่กับชุมชนมาจนถึงปัจจุบัน

"แม็คโครกับลูกค้าโชห่วยทั่วประเทศมีความผูกพันกันมานาน ในทุกปีเรามีการจัดงานตลาดนัดโชห่วยเพื่ออัพเดทเทรนด์ธุรกิจค้าที่ร้านค้าเล็กๆ ควรรู้ หรือ นำไปปรับใช้"

รวมถึงมีโครงการประกวดทายาทโชห่วยซึ่งเป็นเวทีแข่งขันไอเดียพัฒนาร้านของคนรุ่นใหม่หรือลูกหลานเจ้าของธุรกิจโชห่วยเมื่อนำมาเสริมกับข้อมูลเชิงลึกที่แม็คโครมีก็ทำให้ได้ข้อมูลที่เข้าถึงปัญหาอย่างลึกซึ้งและสามารถสร้างรูปแบบการพัฒนาร้านค้าปลีกที่ตอบโจทย์ให้โชห่วยได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ยังจับมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ในโครงการพัฒนา "สมาร์ทโชห่วย" ทำให้เกิดองค์ความรู้เพิ่มเติมที่นำมาต่อยอดให้ผู้ประกอบการรายย่อยกว่า 500,000 ราย ในทุกมิติเกิดเป็นโมเดลทั้งมิตรแท้ชุมชนจนถึงรูปแบบล่าสุด นั่นคือ "บัดดี้มาร์ท"

ทั้งนี้ "บัดดี้มาร์ท" เป็นรูปแบบร้านค้าปลีกชุมชนที่เน้นความสำเร็จรูปในการทำธุรกิจตั้งแต่การออกแบบร้านวางผังการจัดวางสินค้าการเลือกสินค้าโดยใช้เทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาช่วยบริหารจัดการให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่และตรงใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในชุมชนนั้นๆ ที่สำคัญมีทีมงานบัดดี้มาร์ทสนับสนุนการวางแผนส่งเสริมการขายและช่วยบริหารจัดการร้านอย่างใกล้ชิดรวมถึงมีระบบการจัดการสต๊อกและการสั่งซื้อสินค้าเข้าร้านที่รวดเร็วทำให้เจ้าของร้านสะดวกมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องใช้เวลาบริหารจัดการมากเท่าเดิม

"การที่โชห่วยจะตัดสินใจปรับเปลี่ยนรูปแบบร้านหรือลงทุนอะไรใหม่ๆไม่ใช่เรื่องง่ายต้องศึกษารายละเอียดเป็นอย่างดีซึ่งเราพบว่าผู้ประกอบการจะให้น้ำหนักกับความเชี่ยวชาญเป็นสำคัญ"

โมเดล "บัดดี้มาร์ท" ที่เราพัฒนาขึ้นผสมผสานความเชี่ยวชาญในด้านสินค้าของแม็คโครและประสบการณ์ในการคลุกคลีกับปัญหาของร้านโชห่วยกว่า 30 ปี ประกอบกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่จากเครือข่ายที่มีในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าของร้านค้าปลีกในชุมชนได้

พร้อมนำเทคโนโลยีทันสมัยสำหรับร้านค้าปลีกขนาดเล็กมาใช้รวมถึงใช้ความชำนาญในการบริหารจัดการสต๊อกระบบการสั่งซื้อสินค้า และจัดส่งถึงร้านที่รวดเร็วที่สำคัญมีกลุ่มพันธมิตรซัพพลายเออร์สินค้าที่แข็งแกร่ง

สำหรับรูปแบบ "ร้านค้าปลีกชุมชนบัดดี้มาร์ท" เจ้าของร้านจะใช้งบลงทุน 400,000 บาทแบ่งเป็นค่าเงินค้ำประกัน 200,000 บาท และค่าปรับปรุงร้าน 200,000 บาท ขึ้นกับขนาดและสภาพของร้านปัจจุบัน โดยมี 3 ขนาดทางเลือก กล่าวคือ

ขนาดเล็ก พื้นที่ 48 ตารางเมตรขึ้นไป

ขนาดกลาง พื้นที่ 50-100 ตารางเมตร

ขนาดใหญ่ พื้นที่ 100 ตารางเมตรขึ้นไป

ส่วนทางบัดดี้มาร์ทจะลงทุนให้กับคู่ค้ามูลค่าประมาณ1.5 ล้านบาทโดยติดตั้งระบบ POS ระบบบริหารจัดการร้าน อุปกรณ์ชั้นวาง ตู้แช่ และสินค้าทั้งหมดภายในร้าน

ประการสำคัญ ได้ร่วมกับพันธมิตร "ธนาคารกรุงเทพ" สร้างการเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ที่ติดปัญหาด้านเงินลงทุนอีกด้วย