โบรกชี้กำไรบจ.ไตรมาส2/65 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แห่อัพเป้าปีนี้
“บล.เอเขียพลัส” ปรับคาดการณ์กำไรปี 65 ที่ 1.13 ล้านล้าน เพิ่มขึ้น 8.65% จากเดิม1.04 ล้านล้าน เหตุ ไตรมาส 2 /65 กำไรโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดันดัชนีสิ้นปีมีอัพไซด์ที่ 1,730 จุด “บล.กสิกรไทย”ประเมินที่ 9.66 แสนล้านบาท สูงที่คาดไว้เดิม 4%เชื่อบจ.ครึ่งปีหลังยังสดใส
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า จากกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส2ปี2565 ที่ประกาศออกมา อยู่ที่ 348,887 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.4 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน 276,543 ล้านบาท และ ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดสูงถึง 6% (กำไร ครึ่งปีแรก2565 คิดเป็น 57% ของประมาณการเดิม)
ทั้งนี้ทำให้ฝ่ายวิจัยบล.เอเซียพลัส ได้ปรับเพิ่มประมาณกำไรบจ.ทั้งปี 2565 อยู่ที่ 1.13 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.65% จากประมาณการเดิมที่ 1.04 ล้านล้านบาท หนุนให้อัตรากำไรต่อหุ้น ( EPS) 2565 ปรับขึ้น จาก 88.90 บาทต่อหุ้น เป็น 94.30 บาทต่อหุ้น และจากที่คาดการณ์กำไรบจ.เพิ่มขึ้น ทำให้ดัชนีมีอัพไซด์ โดยคาดเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,730 จุด
โดยฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง2565 เพราะ ปัจจัยธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ขึ้นดอกเบี้ยกดดันตลาดหุ้นไทยแค่ระยะสั้น เพราะโอกาสที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยแรงค่อนข้างจำกัด จากความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยหนุนจากหลังเปิดประเทศ การท่องเที่ยวเริ่มกลับมา เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังฟื้นตัวได้ แต่ยังต้องระวังความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์กดดัน
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนครึ่งปีหลังตามเทคนิค ดัชนีปรับลงต่ำกว่า1,570จุด เข้าซื้อ หุ้นกลุ่มหุ้นแนะนำคือ หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการกลับมาเปิดเมือง คือ CRC BEM CENTEL CPN,หุ้นได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง CPF, หุ้นได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นคือ KTB และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการควบรวมกิจการ คือTRUE
นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้นภายใต้การวิเคราะห์ของบล.กสิกรไทย ราว 200 ตัว รายงานกำไรรวมไตรมาส 2 ปี 2565 ที่ 298,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ 227,038 ล้านบาท หรือสูงกว่าประมาณการของตลาด ที่ Bloomberg Consensus คาด สูงถึง9.6%
ทั้งนี้จากผลประกอบการที่ดีกว่าคาดมาจากกลุ่ม ธุรกิจการเกษตร และอาหาร พลังงาน ปิโตรเคมี ธนาคาร อิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์ เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) นิคมอุตสาหกรรม และที่อยู่อาศัย
โดยคาดว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2565 อยู่ที่ 966,735 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% จากปีก่อน หรือปรับเพิ่มขึ้น 4% จากเดิมที่คาดไว้ โดยกำไรปี 2565 ของกลุ่มธุกิจการกษตรและอาหาร พาณิชย์ พลังงาน การแพทย์ ปีโตรเคมี และขนส่ง หลังจากผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2565 แสดงให้เห็นว่ากำไรในช่วงครึ่งปีแรกสูงกว่า 50% ของประมาณการทั้งปี
นายสุนทร กล่าวว่า ประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดปี 2565-2566 ถูกปรับขึ้น 16% และ 25% ตามลำดับ ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) เป็น 102.15 บาทต่อหุ้น และ 109.42 บาทต่อหุ้น ตามลำดับ
สำหรับดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้คาดอยู่ที่ 1,500 -1,650 จุด และมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ 1,700 จุด ได้ เพราะ ในครึ่งปีหลังของปี 2565 ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง จะช่วยหนุนผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่ม anti-commodity ในครึ่งปีหลัง2565 ขณะที่การเปิดเศรษฐกิจใหม่จะส่งผลดีต่อกลุ่มบริการ