PTTEP ประมาณการ 1Q65F: ขาดทุนหนักจากการป้องกันความเสี่ยง

PTTEP ประมาณการ 1Q65F: ขาดทุนหนักจากการป้องกันความเสี่ยง

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ PTTEP ใน 1Q65 จะอยู่ที่ 9.1 พันล้านบาท (-21% YoY, -15% QoQ) โดยกำไรที่ลดลง YoY จะเป็นเพราะ i) ไม่มีกำไรพิเศษ 350 ล้านดอลลาร์ฯ จากการซื้อโครงการ Oman Block 61 ในราคาถูกเหมือนกับใน 1Q64

ii) มีผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 230 ล้านดอลลาร์ฯ ใน 1Q65 (+134% YoY) ในขณะเดียวกันกำไรที่ลดลง QoQ จะเป็นเพราะ i) คาดว่าจะมีผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 230 ล้านดอลลาร์ฯ ใน 1Q65 และ ii) ไม่มีกำไรพิเศษสองรายการรวมประมาณ 180 ล้านดอลลาร์ฯ เหมือนกับใน 4Q64 ซึ่งแบ่งเป็น กำไรจากการกลับรายการค่าใช้จ่ายในการ decommission โครงการบงกช 100 ล้านดอลลาร์ฯ และกำไรจากการปรับมูลค่าการถือครองสินทรัพย์ในโครงการ Malaysia Block K 80 ล้านดอลลาร์ฯ ทั้งนี้หากไม่รวมกำไรพิเศษ เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะเพิ่มขึ้นถึง 50% QoQ เนื่องจากราคาขายเฉลี่ย (ASP) ดีขึ้นอย่างมากเป็นหลัก โดยเราคาดว่า ASP ของ PTTEP จะเพิ่มขึ้น 10% QoQ เป็น US$51.5/BOE เนื่องจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลวเพิ่มขึ้นถึง 21% QoQ เป็น US$92/bbl และราคาขายก๊าซเพิ่มขึ้น 5% QoQ เป็น US$6.1/mmbtu ตามราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น นอกจากนี้ เรายังคาดว่าปริมาณยอดขายจะเพิ่มขึ้น 1% QoQ เป็น 426KBOED เนื่องจากโครงการอาทิตย์ผลิตเพิ่มขึ้น ในขณะที่คาดว่าต้นทุนต่อหน่วยจะลดลง 2% QoQ เหลือ US$28.9/BOE เนื่องจากค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าบริษัทจะบันทึกผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงก้อนใหญ่ 230 ล้านดอลลาร์ฯ โดยบันทึกราคาของสัญญาฟิวเจอร์ส (future price) ที่ US$98/bbl เมื่อสิ้นงวด 1Q65 แบ่งเป็น unrealized loss 200 ล้านดอลลาร์ฯ และ realized loss 30 ล้านดอลลาร์ฯ

 

 

 

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565/2566F อีก 27%/28%

ในบทวิเคราะห์กลุ่มพลังงานฉบับวันที่ 21 มีนาคม เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิของ PTTEP ปีนี้ขึ้นอีก 27% เป็น 6.31 หมื่นล้านบาท และปีหน้าขึ้นอีก 28% เป็น 5.87 หมื่นล้านบาท หลังจากที่เราปรับเพิ่มสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2565/66 จากเดิม US$70/65/bbl เป็น US$90/75/bbl จากกรณีที่รัสเซียบุกยูเครน ซึ่งส่งผลให้ ASP ของ PTTEP ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 21% เป็น US$53.2/BOE และในปี 2566 เพิ่มขึ้น 14% เป็น US$47.1/BOE

 

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำถือ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 ที่ 165.00 บาท โดยใช้ WACC ที่ 8.7% และ terminal growth ที่ 1.0% เรามองว่าราคาเป้าหมายของเรามีความเสี่ยงด้าน downside ประมาณ 9.00 บาทถ้าหากสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรพม่าในอนาคต ทั้งนี้ผลผลิตของ PTTEP จากโครงการในพม่าอยู่ที่ประมาณ 40-42KBOED คิดเป็นประมาณ 9% ของปริมาณยอดขายทั้งหมดที่คาดไว้ในปี 2565

 

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบและราคาก๊าซ