Bank Sector ประมาณการ 1Q65F: ฟื้นตัวขึ้นในอัตราที่แผ่วลง

Bank Sector ประมาณการ 1Q65F: ฟื้นตัวขึ้นในอัตราที่แผ่วลง

เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมของกลุ่มธนาคารใน 1Q65F จะฟื้นตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง YoY เพราะรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจตลาดทุนลดลง, สินเชื่อที่เร่งตัวขึ้นช่วยหนุน NII, และ credit cost มีแนวโน้มลดลง

ในขณะที่กำไรที่เติบโต QoQ เป็นผลจากคชข.ดำเนินงานสูงในไตรมาส 4/64 เราประเมินว่ากำไรของธนาคารใหญ่จะโตในอัตราใกล้เคียงกันที่ประมาณ 8% แต่หากไม่รวมค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองและรายการ FVTPL เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจ้ะเพิ่มขึ้น 4% นำโดย BBL และ KBANK

 

รายได้ค่าธรรมเนียมจากตลาดทุนอ่อนแอลง

รายได้จากค่าธรรมเนียมธุรกิจตลาดทุน (ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์, ค่าธรรมเนียม AM,IB) ของ KBANK มีสัดส่วนสูงที่สุดในกลุ่มที่ประมาณ 35% ของค่าธรรมเนียมรวม (ของ SCB อยู่ที่ ~25%, ของ BBL และ KTB <10%) เราคาดว่าตลาดทุนที่ผันผวนจะกดดันรายได้ค่าธรรมเนียมจากกลุ่มธุรกิจนี้ และใช้สมมติฐานว่าของ KBANK จะลดลง 6% YoY ใน 1Q65F ในขณะที่คาดว่าของ SCB, BBL และ KTB จะเพิ่มขึ้นธนาคารละ 4% () อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลงจากธุรกิจตลาดทุนจะส่งผลกระทบกับ TISCO และ KKP มากกว่าธนาคารใหญ่

 

 

รายได้โตจาก NII และ NIM ที่ทรงตัว

ดอกเบี้ยขาขึ้นจะทำให้ yield ของตลาดตราสารหนี้ และการปล่อยกู้ตลาดเงินเพิ่มขึ้น ซึ่ง BBL น่าจะได้อานิสงส์มากที่สุดเนื่องจากถือครองสินทรัพย์ประเภทนี้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม yield ที่ดีขึ้นของสินทรัพย์ประเภทนี้อาจจะไม่ได้ทำให้แนวโน้ม NIM เปลี่ยนไป เพราะอาจจะเพียงช่วยชดเชย yield สินเชื่อในโครงการผ่อนผันหนี้ ดังนั้น เราจึงคาดว่า NIM ของธนาคารส่วนใหญ่จะทรงตัว (ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สาม)

 

คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้

เนื่องจากธนาคารส่วนใหญ่เตรียม write-off และขายหนี้เสียออกไปตั้งแต่ 4Q64 แล้ว และมีการอัดฉีดหนี้เสียเพิ่มเข้าไปใน AMC/JV-AMC ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถกด credit cost ให้ต่ำลง 20-30bps ได้ตามเป้าในปี 2565 ทั้งนี้ จากแผนการรุกตั้ง JV-AMC เรามองว่า KBANK SCB และ KTB น่าเป็นห่วงน้อยกว่าธนาคารอื่น ๆ

 

เราเลือก KBANK และ BBL เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มธนาคาร

เราคาดว่าธนาคารจะดำเนินธุรกิจท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบากมากขึ้นใน 2Q65 จากการบริโภคในประเทศที่อ่อนแอลง และเงินเฟ้อที่เกิดจากด้านต้นทุน โดยธนาคารขนาดเล็กจะเผชิญแรงกดดันมากกว่าธนาคารใหญ่ ดังนั้น เราจึงยังคงเลือกหุ้นธนาคารใหญ่ อย่างเช่น KBANK และ BBL เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มธนาคาร

 

Risks

NPLs และค่าใช้จ่ายการกันสำรองเพิ่มขึ้น, รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง